AI กำลังมีบทบาทสำคัญในการทำ SEO มากขึ้นเครื่องมือหลายตัวตอนนี้ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการทำ seo ให้เลือกใช้อย่างมากในปัจจุบัน เราสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการปรับปรุง seo บนเว็บไซต์ของเราได้แก่:
เราต้องรู้ว่า AI นั้นมีประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างไร และปรับกลยุทธ์ของเราให้เหมาะสมหากเราเลือกใช้ เครื่องมือหรือ AI ในการช่วยปรับปรุงในการสร้างเนื้อหา หรือไอเดีย
4.เนื้อหาคุณภาพสูง
เนื้อหาคุณภาพสูงมีความสำคัญต่อ SEO มาโดยตลอด แต่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในปี 2024 เพราะทาง Google ให้การจัดอันดับ แก่เว็บไซต์ที่เผยแพร่เนื้อหาที่ให้ข้อมูล น่าสนใจ และมีคุณค่า
อยากเรียนรู้ SEO แต่ไม่มีงบ เรามีคอร์สเรียน SEO ฟรีมาแนะนำ ปูพื้นฐานให้แน่นๆ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เรียนจบแล้วนำไปใช้ได้จริง คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อสมัครเรียนเลย รวมมาให้หมดแล้วจากสถาบันสอน SEO ว่างแล้วไปนั่งเรียนกันยาวๆ ได้เลย
คอร์สเรียน SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ ฉบับปูพื้นฐาน
พร้อมแล้วมาดูกันได้เลย ลุย
1.คอร์สเรียน SEO Training Course – HubSpot Academy
คอร์สนี้จะช่วยให้เราได้เรียนรู้วิธีการประเมิน และปรับปรุงการเขียน SEO บทเว็บไซต์ของเรา การเพิ่มการมองเห็นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาโดยการใช้ลิงคก์ย้อนกลับ และการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูล เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการค้นหาของเรา
คอร์สเรียนนี้เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว มีการอธิบายหลักการ SEO และเทคนิคที่ดีสุด ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกได้อย่างดีแตกต่างจากหลัดสูตรการเขียน SEO อื่นๆ แต่ไม่มีใบ Certificate ให้นะ
เว็บไซต์นี้ไม่ได้มีวิดีโอเหมือนคอร์สเรียนอื่นๆ นะ แต่ได้รวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ SEO มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบเครื่องมือ SEO วิธีการปรุงผลการค้นหาหน้าเว็บไซต์ในปี 2022 เหมือนเป็นคลังความรู้ให้เราได้ติดตามอ่าน แถมยังมีบทความที่น่าสนใจเพื่อพัฒนาการเขียน SEO ของเราด้วยนะ
คอร์สเรียนนี้สอน SEO พื้นฐาน เช่น ความหมายของ SEO, ปัจจัยที่มีผลต่อ SEO, เครื่องมือ SEO, วิธีทำ SEO บนเว็บไซต์, วิธีวิเคราะห์คู่แข่ง SEO เป็นต้น คอร์สเรียน SEO ฟรีเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้ SEO โดยคอร์สเรียน
เหล่านี้จะสอนพื้นฐาน SEO ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการสำคัญของ SEO และสามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้
นอกจากคอร์สเรียนฟรีเหล่านี้แล้ว ยังมีแหล่งเรียนรู้ SEO อื่นๆ อีกมากมาย เช่น บทความ SEO, หนังสือ SEO, เว็บไซต์ SEO เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้เหล่านี้ได้เช่นกัน
ไม่ว่าขนาด สถานที่ หรือประเภท ธุรกิจของเราจะได้รับประโยชน์จาก SEO และเราสามารถเริ่มทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจSME ได้แล้ววันนี้ แม้จะมีเวลาและทรัพยากรจำกัดก็ตาม บทความนี้ Fasttacks ได้นำขั้นตอนเพื่อให้เราเริ่มต้นการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาบน google สำหรับธุรกิจ SME
SEO สำหรับธุรกิจ SME คืออะไร ?
SEO สำหรับธุรกิจ SME คือ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และสถานะออนไลน์ของคุณ เพื่อปรับปรุงการเข้าชมจาก Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ซึ่งหมายถึงการนำคนที่เหมาะสมมาสู่เว็บไซต์ของเรามากขึ้น: ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ลูกค้า และผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าSEO สำหรับธุรกิจ SME เป็นเพียงส่วนย่อยของ SEO ทั่วไป แต่ด้วยวิธีการที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นและทรัพยากร
Google Analytics เป็นแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเข้าชม วิธีที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ของเรา คอนเวอร์ชั่น ข้อมูลประชากรของผู้ใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย
Google Analytics เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการติดตามความคืบหน้าและทำความเข้าใจผู้ใช้ของเรา
Google Search Console คือ แดชบอร์ดที่ให้ข้อมูลว่าเว็บไซต์ของเราปรากฏใน Google Search อย่างไร
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาใดๆ ที่ Google มีกับเว็บไซต์ของเรา และอนุญาตให้ส่งการแก้ไข แผนผังเว็บไซต์ และข้อมูลสำคัญอื่นๆ
แม้ว่า Google Analytics จะมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจผู้ใช้ของเรา และวิธีที่พวกเขาโต้ตอบกับไซต์ แต่ Google Search Console เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจว่า Google ดูเว็บไซต์ของเราอย่างไร และวิธีการทำงานใน SERP
Google Business Profile เป็นเครื่องมือฟรีที่มีอิทธิพลต่อการที่ธุรกิจของเราปรากฏใน Google Search, Google Maps และ Google Shopping
โดยพื้นฐานแล้วเป็นโปรไฟล์ที่สามารถตั้งค่าบน Google เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาและเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของเราได้เบื้องต้นด้วย Google Business Profile เราจะมองเห็นการค้นหาและรวบรวมและตอบกลับรีวิวได้
การวิจัยคำหลักเป็นรากฐานของกลยุทธ์ SEO สำหรับธุรกิจ SME เราจะใช้มันเพื่อสร้างแนวคิดเนื้อหา เพิ่มประสิทธิภาพเพจ สร้างโครงสร้างเว็บไซต์ และแม้กระทั่งดูแลจัดการรายชื่อ Google Business Profile ของเรา
Keyword หลัก คือ คำและวลีที่ผู้ใช้พิมพ์ลงในการค้นหาของ Google
Keyword หลัก มีความสำคัญต่อ SEO เนื่องจากคำเหล่านี้บอกเราได้อย่างชัดเจนว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไรและคำที่ใช้ค้นหา
เราสามารถใช้ Keyword หลักเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ เพื่อให้ทั้ง Google และผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเรารู้ว่าธุรกิจของเราสามารถจัดหาสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาได้
แง่มุมทางเทคนิคหลายประการของ SEO อาจส่งผลเสียต่ออันดับและการมองเห็นของเราใน SERP
ซึ่งรวมถึงสิ่งต่อไปนี้:
หน้าที่ Google ไม่พบหรือรวบรวมข้อมูลไม่ได้
ลิงก์เสีย
ความเร็วไซต์ช้า
ข้อผิดพลาดของแผนผังเว็บไซต์
เนื้อหาที่ซ้ำกัน
ปัญหาความปลอดภัยของเว็บ
ข้อผิดพลาดในการใช้งานสคีมา
และอื่น ๆ
หาทางแก้ไขปัญหาและแก้ไขสิ่งที่เราทำได้
แม้ว่าเราจะไม่สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ในขณะนี้ แต่การปรับปรุงใด ๆ ที่เราทำจะช่วยปรับปรุง SEO และการมองเห็นได้อย่างดีขึ้น
10.สร้างรายชื่อออนไลน์ที่เกี่ยวข้องสำหรับธุรกิจ
หนึ่งในปัจจัยหลักในการจัดอันดับของ Google คือลิงก์ย้อนกลับ หรือ backlink ลิงค์บนเว็บไซต์อื่นที่ชี้ไปที่เว็บไซต์ของเรา สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับ Google เนื่องจากทำหน้าที่เป็นคะแนนความเชื่อมั่นในเว็บไซต์ของเรา
โดยทั่วไป ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเราจะบอก Google ว่าไซต์ของเราเป็นแหล่งข้อมูลที่ดี
ยิ่งเราได้ backlink มากเท่าไหร่ เว็บไซต์ที่เราได้รับลิงก์เหล่านั้นก็จะยิ่งมีขนาดใหญ่และดีขึ้นเท่านั้น Google ก็จะยิ่งดูดีมากขึ้นเท่านั้น
และ Google จะจัดอันดับไซต์ของเราให้สูงขึ้น แต่การทำให้เว็บไซต์เชื่อมโยงกับเรานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
ต้องใช้เวลาและทักษะถึงกระนั้น ธุรกิจ SME ก็ต้องการลิงก์ย้อนกลับเพื่อให้อยู่ในอันดับที่ดีใน SERP
Google ตระหนักถึงสิ่งนี้และให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความถูกต้องและความสอดคล้องของรายชื่อในท้องถิ่นของเรา โดยเฉพาะชื่อธุรกิจ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของเรา หากธุรกิจของเรามีหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่ที่ต่างกัน 2 รายการบนอินเทอร์เน็ต Google อาจจัดอันดับเราให้ต่ำกว่า
ท้ายที่สุดแล้ว Google ต้องการแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเป็นประโยชน์ที่สุด
Google ดูเหมือนจะให้รางวัลแก่ธุรกิจที่ตอบรีวิวด้วย เนื่องจากเป็นการบ่งบอกถึงความสดใหม่และกิจกรรม
14.ติดตามอันดับของเรา
การติดตามอันดับและประสิทธิภาพของเราสำหรับคำหลักที่สำคัญเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการระบุแหล่งที่มาของความพยายาม SEO ของเราอย่างเหมาะสม ท้ายที่สุดเราต้องการทราบว่างานของเรามีผลตอบแทนใช่ไหม? Google Analytics และ Google Search Console สามารถให้ข้อมูลที่มีค่ามากมาย
เราทุกคนที่ทำ SEO มักเคยได้ยินเกี่ยวกับอัลกอริทึมของ Google ที่มีชื่อว่า EAT มาก่อน นั้นหมายถึงความเชี่ยวชาญ อำนาจ และความไว้วางใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมของ Google และเราสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพได้ตามหัวข้อด้านล่างนี้
แต่ในปัจจุบันนั้น Google ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่ม “E” พิเศษใน EAT ตอนนี้กลายเป็น EEAT
หรือถ้าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่ดันมีประสบการณ์ในหัวข้อนี้ และต้องการแบ่งปันสิ่งที่เราประสบมาอาจสร้างความสับสนเล็กน้อย และโชคดีสำหรับเราที่ Google ได้ให้คำอธิบายเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนอย่างที่เราได้เห็น ประสบการณ์ตามคำจำกัดความของ Google นั้นแตกต่างจากความเชี่ยวชาญเล็กน้อย
เหตุใด Google จึงเพิ่ม E เข้าไปในการอัปเดตอัลกอริทึม
ในทางกลับกัน ถ้าเรามีบริษัทและเราจ้างเอเจนซี่โฆษณาของเรา Fast tacks บริการรับทำ seo และทำงานเพื่อขยายการตลาดของคุณเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ เราสามารถเขียนเนื้อหาแบ่งปันประสบการณ์ของคุณแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ตามได้
หนึ่งในหมวดหมู่ที่ละเอียดอ่อนที่สุดเมื่อพูดถึงอัลกอริทึมของ Google คือ Your Money, Your Life Google ให้ความสำคัญกับการแสดงข้อมูลที่อาจทำร้ายผู้อื่นได้ เว้นแต่จะรู้ว่ามาจากแหล่งที่เชื่อถือได้
ตัวอย่างเช่น
ถ้าเราบอกวิธีรักษาโรคทางการแพทย์แก่ผู้คนหาบน Google จะไม่ชอบเพราะเราไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เราไม่ใช่หมอ เราไม่เคยประกอบวิชาชีพเวชกรรม และถ้าผู้ติดตามข้อมูลทางการแพทย์จากเรา มันอาจทำให้เราเจ็บปวดได้
นี่คือวิธีที่ Google มองประสบการณ์เมื่อพูดถึงหัวข้อ YMYL
เป็นเนื้อหาประเภทนั้นที่โดดเด่นและเปล่งประกายเพราะประสบการณ์ทำให้เนื้อหามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่ผู้เขียน AI ไม่สามารถทำได้ อย่างน้อยก็ในปัจจุบันตอนนี้
หากคุณกําลังมองหาปลั๊กอินในการช่วยทำ seo บนเว็บไซต์ wordpress วันนี้เราจะมาแนะนำ ปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ควรมีติดเว็บไซต์มาแนะนำกันนะครับ และบทความนี้จะช่วยให้เรารู้แนวทางและกรใช้งานของปลั๊กอิน ในการช่วยทำseo ว่าควรเลือกใช้งานปลั๊กอินใด?
ปลั๊กอิน SEO ที่เหมาะสมสามารถทําให้การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาง่ายขึ้น และช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากและเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ของเราได้มากมายอีกด้วย
ในบทคววมนี้ fast tacks จะแนะนำ 7ปลั๊กอิน SEO ยอดนิยม สําหรับ WordPress และให้คําแนะนํากับเพื่อนๆกันครับ
7 ปลั๊กอินในการทำ SEO สําหรับ wordpress
มาดูไปพร้อมๆกันได้เลย
1.yoast Seo
รูปที่มา: Yoast
ปลั๊กอินYoast SEO สําหรับ WordPress ปลั๊กอินยอดฮิตสำหรับชาว wordpress เป็นปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้ครับ เว็บไซต์ WordPress ส่วนมากใหญ่เลือกใช้ Yoast ในการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการทำ SEO และที่สำคัญคือ ใช้งานง่าย และฟรีอีกด้วย
Yoast SEO มีให้เลือกใช้ 2 เวอร์ชั่น คือ:
แบบ ฟรีที่มีคุณสมบัติ จํากัด บางฟังก์ชั่น
Yoast พรีเมี่ยมที่มีเครื่องมือและคุณสมบัติ SEO เพิ่มเติม ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น
ฟังก์ชั่นเด่นๆของปลั๊กอิน Yoast SEO WordPress คือ:
SEO Meta Box เราสามารถเพิ่มชื่อ meta คําอธิบายmeta หรือปรับแก้URL และใส่ keywords โฟกัสลงไปในหน้าเว็บได้ นี่เป็นหนึ่งในการใช้งานทั่วไปของปลั๊กอิน Yoast SEO ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้าสำหรับ การโฟกัส keywords หลักที่เราต้องการ
แผนผังไซต์XML ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มแผนผังไซต์ XML โดยอัตโนมัติ วิธีนี้ช่วยให้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาหน้าเว็บต่างๆ ทั้งหมดบนเว็บไซต์ของได้อย่างง่ายดาย
Schema.org การผสานการทํางาน ซึ่งช่วยให้หน้าเว็บของเรานั้นมีสิทธิ์ได้รับผลการค้นหาที่เป็นการแสดงผลแบบพิเศษหรือสื่อสมบูรณ์ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาบน google
ราคาสําหรับปลั๊กอิน Yoast SEO เริ่มต้นที่ $ 89 ต่อปี หากเพื่อนๆต้องการฟังก์ชั่นอื่นๆเพิ่มเติม ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมครับ
2.AIOSEO
รูปที่มา: AIOSEO
หากเราต้องการโซลูชันที่คุ้มค่าด้วยชุดคุณสมบัติเดียวกัน AIOSEO เป็นตัวเลือก เช่นเดียวกับ Yoast SEO มันมีคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้ เราสามารถใช้งานเพิ่มประสิทธิภาพบนเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และคล้ายกับ Yoast SEO มากๆ แต่ปลั๊กอิน AIOSEO มีสองแพ็คเกจ: มีทั้งแบบใช้งานได้ฟรีและ การใช้งานแบบมีค่าใช้จ่าย
แต่อย่างไรก็ตามครับ ราคานั้นจะไม่เหมือนกับ Yoast SEO เพราะตัวPro จะเริ่มต้นเพียง $ 49.50 ต่อปีซึ่งราคาถูกกว่าเกือบ 50% เลยก็ว่าได้ครับ เมื่อเทียบกับปลั๊กอิน Yoast SEO WordPress
SEO local ซึ่งเหมาะสําหรับผู้ที่มีเว็บไซต์ธุรกิจในท้องถิ่นหรือหน้าร้าน AIOSEO ทำให้ง่ายต่อกาปรับปรุง SEO ในพื้นที่และจัดอันดับที่สูงขึ้นบน Google Maps สําหรับ keywords ที่สําคัญ
WooCommerce SEO หากเรามีร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่สร้างขึ้นบน WooCommerce AIOSEO เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำ seo บนหน้าผลิตภัณฑ์หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์และอื่น ๆ บนร้านค้าออนไลน์WooCommerce
3.Rank Math
รูปที่มา: RankMath
หากเพื่อนๆ ท่านใดรู้ๆสึกอยากลองเปลี่ยน จาก Yoast หรือ AIOSEO ตัวเลือกที่สามคือ ปลั๊กอินRank Math เป็นปลั๊กอิน SEO ที่ค่อนข้างใหม่และราคาสําหรับ Rank Math เริ่มต้นที่ $ 59 ต่อปีสําหรับใบอนุญาตใช้งานได้เว็บไซต์เดียว
และเช่นเดียวกับ Yoast และ AIOSEO มันมีคุณสมบัติพื้นฐานในเวอร์ชั่นฟรี และเวอร์ชั่นเสียค่าใช้จ่าย นั้นจะมีคุณสมบัติ SEO ขั้นสูงเพิ่มเติม คุณสมบัติบางอย่างรวมถึง:
SEO Meta Box สําหรับการเพิ่มประสิทธิภาพชื่อMeta คําอธิบายMeta และคําหลักที่มุ่งเน้นในทุกโพสต์และหน้า
การวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อระบุโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพ keywords และแก้ไขข้อผิดพลาด SEO พื้นฐาน
เปิด meta data กราฟเพื่อแสดงภาพขนาดย่อของ Facebook และการ์ด Twitter เมื่อเนื้อหาของคุณถูกแชร์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย
คุณสมบัติทั้งหมดนี้มีอยู่ในปลั๊กอิน AIOSEO และปลั๊กอิน Yoast SEO
4.W3 Total Cache
รูปที่มา: W3 total Cache
นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO บนเว็บไซต์แล้ว ทางเราแนะนำว่า ยังต้องติดตั้งปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของเรา
ความเร็วของเว็บไซต์และประสบการณ์ของผู้ใช้งานนั้นเป็นปัจจัยการจัดอันดับของ google ที่สําคัญในขณะนี้และนั่นคือที่มาของ ปลั๊กอินที่เราจะมาแนะนำ คือ W3 Total Cache
ทํางานโดยใช้การผสานรวม CDN และการแคชหน้าและเบราว์เซอร์เพื่อเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้ W3 Total Cache ยังมีคุณสมบัติหลายอย่างที่สามารถช่วยให้เราสามารถปรับปรุงความปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้อีกด้วย
Schema Pro ราคาเริ่มต้นที่ $ 79 ต่อปีและเราสามารถใช้ใบอนุญาตเดียวบนเว็บไซต์ได้ไม่จํากัดจํานวน แต่ราคาแรงเอาเรื่อง สําหรับ $ 49 ต่อปี เราจะสามารถรับปลั๊กอิน SEO เช่น AIOSEO ที่มีตัวเลือกมาร์กอัปสคีมารวมถึงคุณสมบัติการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาในหน้าและนอกหน้าอื่น ๆ อีกมากมาย
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ ปลั๊กอินในการทำ seo wordpress จากที่ทางเราได้แนะนำให้เพื่อนๆถึง7 ตัว ทาง fast tacks แนะนําเพื่อนๆ เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนได้เลย แต่ที่สำคัญที่สุด ปลั๊กอิน WP Rocket นั้นควรจะมีไว้มากๆครับ
เพราะจำเป็นอย่างมากในเรื่องของความเร็วภายในเว็บไซต์ เลือกตามความเหมาะสมของราคาและความสามารถของการใช้งานครับแต่หากเราต้องการข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ แนะนำให้ใช้ Google Analytics เป็นอย่างมาก เพราะสามารถเพิ่ม MonsterInsights ลงในส่วนผสมได้
ก่อนที่เราจะออกเดินทางอย่าลืมตรวจสอบกล่องเครื่องมือ SEO ของ เราเองซึ่งเรามีเครื่องมือ SEO ที่มีประโยชน์มากมายที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเราและยกระดับไปอีกขั้น หากเพื่อนๆมีคําถามใด ๆ โปรดติดต่อเราได้เลย
สำหรับคนทำเว็บไซต์แล้ว ต้องบอกเลยครับ ว่าปัญหาหลักๆคือ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเว็บของเราติดอันดับไหน มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บเท่าไหร่ แล้วต้องแก้ไข อะไรตรงไหนบ้าง และวันนี้ครับ เราเลยจึงได้ทำบทความเกี่ยวกับ เครื่องมือทำ seo ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์เชิงธุรกิจ องค์กร หรือเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการโปรโมตสินค้าก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำคอนเท้นท์ก็คือ เรื่องของการทำ SEO หรือชื่อเต็มว่า “Search Engine Optimization” โดย เครื่องมือ SEO นั้นมีความสำคัญตรงที่ว่า
มันคือสิ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถที่จะที่ติดหน้าแรกของการค้นหาบนเครื่องมือ Search Engine อย่าง Google นั่นเอง แต่แน่นอนว่า ผู้ที่ทำเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า หรือบริการในแบบเดียวกันกับเรา ย่อมต้องมีเช่นเดียวกัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ใครทำ SEO ได้ดีกว่ากัน โอกาสที่จะติดหน้าแรกและถูกค้นเจอก่อนก็มีมากกว่านั่นเอง ซึ่งหากเราจะเริ่มต้นปรับเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ Google แล้วละก็เราจะต้องรู้ก่อนด้วยว่าการทำ SEO และ SEM นั้นแตกต่างกัน เราจึงมีเครื่องมือที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์และช่วยทำโดยเฉพาะของแต่ละประเภท
9 เครื่องมือ SEO ตัวไหนดี
Google Search Console
Google Analytics
Yoasts SEO
Ahrefs
SEMRush
Accuranker
Ubersuggest
Moz SEO
Google Keyword Planner
วันนี้ fast tacks จะมาแนะนำกันทั้งหมด 9 เครื่องมือทำ seo ด้วยกัน โดยมีตั้งแต่ตัวที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นไปจนถึงตัวที่เหมาะกับเอเจนซี่รับทำ SEO ระดับมืออาชีพ มาดูกันได้เลย
รวมเครื่องมือทำ seo ที่ใช้ในการวิเคราะห์
มาดูกันเลยว่ามี ตัวไหน แล้วทำอะไรกันได้บ้าง
รูปที่มา: Google Search Console
1.Google Search Console
เครื่องมือการทำ SEO ที่ดีที่สุดสำหรับทุกเว็บไซต์จากค่าย Google ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย Google Search Console คือเครื่องมือที่สามารถเก็บข้อมูลของการเข้าเว็บไซต์ได้โดยโชว์ข้อมูลออกมาเป็น Impressions, Clicks, Average Position และ Click-through rate ซึ่งแต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันในแง่ของ Traffic
ประโยชน์ของ Google Search Console คือ สามารถแนะนำเราได้ว่าเว็บไซต์ควรปรับปรุงอะไรบ้างทั้งเรื่องของ Pagespeed และปัญหา User Interface ที่จะช่วยให้การใช้งานเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพทีทดีขึ้น ส่งผลให้มีการติดอันดับบน Google ที่ดีขึ้นอีกด้วย
ส่วนข้อดีอีกอย่าง Google Search Console นั้นยังสามารถใช้ตรวจสอบลิงค์ที่มีการส่งเข้ามาจากเว็บไซต์อื่นๆ ได้อีกด้วย เพื่อทำให้เรามั่นใจว่า Backlink ที่สร้างขึ้นมานั้นทำงานได้ปกติหรือไม่ และยังสามารถใช้เป็นตัวกลางในการส่ง Sitemap ไปหา Google ไปอีกด้วยเพื่ออัพเดทว่าเรามีหน้าใหม่เกิดขึ้นแบบเว็บไซต์ กระตุ้นให้ Google เข้ามาอ่านหน้านั้นๆ ของเราตลอดเวลา อันนี้ทาง fast tacks แนะนำเลยว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่เพื่อนๆคนทำ seo ต้องใช้งานเลยครับ
รูปที่มา: Google Analytics
2.Google Analytics
Google Analytics คือเครื่องมือจาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรีเพื่อเก็บข้อมูล user และพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของเรา สามารถจำแนกได้ว่าทราฟฟิคที่มาจากแต่ละช่องทางนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน แบ่งออกมาว่าช่องทางไหนที่เราได้คนเข้าชมเว็บไซต์มากที่สุด เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ สำหรับการทำ Online Marketing สำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท
ในแง่ของการทำ SEO นั้น Google Analytics สามารถเชื่อมต่อกับ Google Search Console ได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อส่งต่อข้อมูลเข้ามาโชว์เป็น dashboard สำหรับนักการตลาด หากเว็บไซต์ไหนที่มีการทำ SEO นั้นนับว่าเป็นตัวที่สำคัญมากๆ ที่จะต้องมี
รูปที่มา: Yoast Seo
3.Yoasts SEO
เครื่องมือ SEO ตัวแรกที่อยากแนะนำมากที่สุดก็คือ Plug-in ตัวหนึ่งของ WordPress ที่ชื่อ Yoast SEO ต้องขอบอกก่อนว่าตัวนี้มีเฉพาะผู้ที่สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาด้วย WordPress เท่านั้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของเครื่อมือตัวนี้ก็คือ ช่วยให้เราสามารถทราบได้ทันทีว่า คีย์เวิร์ดที่เราใช้ในบทความมีจำนวนที่มากไป หรือน้อยไปหรือไม่ รวมทั้งยังช่วยแนะนำด้วยว่า จำนวนคำที่เราเขียนลงไป มีความยาวเพียงพอต่อการทำ SEO หรือยัง เหมือนเป็นปราการด่านแรกของการทำ SEO นั่นก็คือหลักการเขียนคอนเทนท์นั่นเอง
ที่สำคัญที่สุดก็คือปลั๊กอินตัวนี้จะบอกได้แบบเรียลไทม์เลยว่า บทความที่เขียนไปนั้นตรงตามหลักการทำ SEO แล้วหรือยัง ซึ่งคุณสามารถปรับแก้ได้ตามคำแนะนำ และถ้าเครื่องมือตัวนี้ปรากฏเป็นสัญลักษณ์สีเขียวแล้ว นั่นหมายความว่า บทความที่คุณนำเสนอลงไป ถูกต้องตามหลักของ SEO ที่ Google ยอมรับนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เชิงลึกที่เอาไว้ปรับแต่งด้านเทคนิคของเว็บไซต์ที่มีผลต่อ Search Engine เช่นการตั้งค่าว่าจะให้ Google อ่านหน้าไหนบ้าง หรือเห็นหน้าไหนบ้าง จุดนี้ค่อนข้างสำคัญและอาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดด้านโค้ดดิ้งเนื่องจากว่าการปรับแต่งพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะต้องรู้พื้นฐานของด้านโปรแกรมมิ่ง
เครื่องมือ Moz SEO นั้นมีความแม่นยำในการวิเคราะห์เว็บไซต์ในเรื่องการทำ SEO หลายๆ มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์ Backlink และคุณภาพของลิงค์ต่างๆ ที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
รูปที่มา: Google Keyword Planner
9.Google Keyword Planner
เครื่องมือฟรีที่ดีมากจาก Google นั้นค่อนข้างมีความแม่นยำสูงมากสำหรับเรื่องของการทำ Keyword Research โดยปกติแล้วจะเป็นเครื่องมือวางแผนการทำ Paid Search Plan แต่นักการตลาดไม่น้อยที่ทำมาวิเคราะห์หาคำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับ SEO ด้วย เนื่องจากมี Search Volume ที่แม่นยำ พร้อมกับเทรนด์การค้นหาย้อนหลังได้ อีกทั้งยังแนะนำระดับความแข่งขันอีกซึ่งอ้างอิงจากแคมเปญยิงโฆษณาบน Google
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการทำ seo ที่ทาง fast tacks แนะนำ ต้องบอกก่อนเลยครับว่าหลายๆเครื่องมือนั้นจำเป็นที่จะต้องชำระค่าบริการรายเดือนเพื่อเข้าถึงคุณสมบัติบางอย่าง ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่องมือ ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆท่านใดไม่ได้เป็นผู้ที่รับจ้างทำ SEO ก็อาจจะไม่คุ้มค่าเท่ากับการจ้างบริการทำ SEO จากผู้เชี่ยวชาญนะครับ
พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปเมื่อธุรกิจที่มีหน้าร้านจริง หรือร้านค้าบนออนไลน์มากขึ้นเพื่อที่เราจะอยู่เหนือเกม เราต้องเพิ่มการมองเห็นในช่องทางออนไลน์ของเรา ดังนั้นเราจะต้องมีเว็บไซต์ที่ได้รับการเพื่อรองรับเครื่องมือค้นหาของ Google ในการค้นหาแบบ Seo
แต่สุดท้าย SEO ไม่ใช่วิธีแก้ไขด่วนสำหรับธุรกิจของเรา แต่กลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ ต้องใช้การทดสอบ A/B และการลองผิดลองถูกหลายครั้ง เราอาจจะต้องใช้เวลา แต่ผมรับรองว่าเราจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากกลยุทธ์ SEO ของคุณในอนาคต บนTiktok อย่างแน่นอนครับ
Meta Descriptions เคยเป็นหนึ่งในสาเหตุในการจัดลำดับโดยตรง (ข้อมูลในอดีต) แต่ว่าปจจุบันนี้ ทางGoogle ออกมาบอกอย่างแน่ชัดว่า Meta Descriptions นั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุที่มีผลต่อการจัดอันดับโดยตรงอีกต่อไป
หากเมื่อเทียบกับ title tags ด้วยเหตุว่าที่ว่าตอนนี้ Google ได้เริ่มดึงรายละเอียดที่เกี่ยวโยงจากในคอนเทนท์มาแสดงแทนและบางครั้ง Meta Descriptions ก็ชอบถูกเลือกมาแสดง
บนหน้าผลสรุปการค้นหาอยู่เป็นประจำด้วยเหมือนกันนี้เลยเป็นเหตุในการเลือกที่จะเขียนkey wordsจำเป็น เพราะว่า Meta Descriptions ที่Googleดึงขึ้นมานั้น
แผนผังเว็บไซต์ XML คือ การแสดงรายการหน้าเว็บที่สำคัญทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณ แผนผังเว็บไซต์ XML ที่ดีก็เหมือนแผนงานของเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้นำทาง Google ไปยังหน้าที่สำคัญทั้งหมด ได้อย่างถูกต้อง
ที่มา: Search Engine Journal
ตัวอย่าง: แผนผังเว็บไซต์ช่วยค้นหา ผ่านไฟล์แผนผังเว็บไซต์แบบ XML ได้ง่าย
เมื่อเรารวมหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO บนแผนผังเว็บไซต์ XML จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลไปยังเว็บไซต์ของเราได้อย่างง่ายดายสิ่งสำคัญที่เมื่อส่งแผนผังเว็บไซต์ XML เราต้องหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้:
หน้าซ้ำ
มีเลขหน้า
หน้าผลการค้นหาเว็บไซต์
ตอบกลับทาง URL ความคิดเห็น
หน้าที่เก็บถาวร
เปลี่ยนเส้นทาง
เพจถูกบล็อกโดย Robot.text
หน้าที่ไม่มีดัชนี
หน้าที่เราไม่ต้องการ Google เก็บข้อมูล เช่น ติดต่อเรา นโยบายความเป็นส่วนตัว และหน้าเข้าสู่ระบบ
5.ทำวิจัย Keywords และเน้นการใช้ Long Tail Keywords
Title ชื่อเรื่อง : นำ keywords มาตั้งชื่อเรื่อง อธิบายหัวข้อหลักของหน้า และแสดงขึ้นเป็นอันดับแรกในผลการค้นหา
Meta description คำอธิบาย : ช่วยให้ Google ระบุความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของเรา และช่วยให้ผู้ค้นหาตัดสินใจคลิกเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ของเรา การรวมคำหลักจะทำให้เนื้อหาของเราเกี่ยวข้องกับการค้นหา
Google สรุป การปรับปรุงอัลกอริทึมใหม่ เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของผลการค้นหาที่แสดงกับผู้ใช้ให้เป็นปะโยชน์มากยิ่งขึ้น
Google ต้องการเพิ่มบริบทในผลการค้นหาของตนมากขึ้น เพื่อลดการเผยแพร่ของข้อมูลที่ผิด โดยเพิ่มการจับคู่ข้อมูลตามบริบทที่ปรับปรุงสำหรับ Search Snippets และข้อมูลเสริมเพิ่มเติมภายในผลการค้นหา เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ว่าผลลัพธ์ใดถูกต้องที่สุด ก่อนหน้านี้ Google ได้ปรับปรุงอัลกอริทึมที่มีการเพิ่มเติมข้อมูลcodeการค้นหา
ซึ่งเป็นผลลัพธ์การตอบสนองโดยตรงที่แสดงในคำค้นหา
จากอ้างอิงของ Google :
“ ด้วยการใช้โมเดล AI ล่าสุดของเรา Multitask Unified Model (MUM) ระบบของเราสามารถเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับความสอดคล้อง ซึ่งก็คือเมื่อแหล่งที่มาคุณภาพสูงหลายแห่งบนเว็บต่างเห็นพ้องต้องกันในข้อเท็จจริงเดียวกัน ระบบของเราสามารถตรวจทานข้อความเสริม กับแหล่งที่มาคุณภาพสูงอื่นๆ บนเว็บ เพื่อดูว่ามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ทั่วไปสำหรับข้อความเกี่ยวข้องนั้นหรือไม่ แม้ว่าแหล่งที่มาจะใช้คำต่างกันหรือ แนวคิดที่จะอธิบายสิ่งเดียวกัน เราพบว่าเทคนิคที่ใช้ความสอดคล้องนี้ ช่วยปรับปรุงคุณภาพและความเป็นประโยชน์ของข้อความเสริมได้อย่างมีความหมาย”
กล่าวคือ ขณะนี้ระบบของ Google นั้นสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงและการอ้างสิทธิ์ที่ระบุไว้เพื่อใช้ในตัวอย่าง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความถูกต้องของผลลัพธ์ที่แสดงในการค้นหา
นอกจากนี้ Google ยังบอกด้วยว่าระบบของ Google นั้นเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นเช่นกันเมื่อตัวอย่างข้อมูลแนะนำไม่ได้ให้บริบทที่เกี่ยวข้องของเนื้อหาและเว็บไซต์
และความถูกต้องของข้อมูลในเนื้อหา Google ยังขยายคำเตือน ‘Content Advisory’ ในผลการค้นหาซึ่งระบบไม่มีความมั่นใจสูงในคุณภาพโดยรวมของผลลัพธ์ที่มี
รูปที่มา: Google
Google สังเกตว่าสิ่งนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือผลลัพธ์นั้นมีคุณภาพต่ำ เพียงแต่เพิ่มบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดผลลัพธ์ทั้งหมดบนหน้า
ความถูกต้องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งผู้คนพึ่งพาการใช้แหล่งข้อมูลบนเว็บเพื่อหาข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มักถูกระบุว่าเป็นแหล่งข้อมูลเท็จในแง่นี้มาก เนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้ทุกคนสามารถสื่อสารอะไรก็ได้ในเรื่องนั้น ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ และนั่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อมั่นในสื่อออนไลน์ลดลงเป็นอย่างมาก ที่ google นั้นให้ความสำคัญ
รูปที่มา: Google
อันที่จริง Google เพิ่งร่วมมือกับ YouGov ในการสำรวจครั้งใหม่ ซึ่งพบว่า 62% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในขณะนี้เชื่อว่าพวกเขาเห็นข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิดเป็นประจำทุกสัปดาห์
การแยกแยะข้อเท็จจริงจากนิยายนั้นยากกว่าที่เคย ด้วยเหตุนี้การการอัพเดทครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของ Google และการรักษา Search ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับการวิจัยทุกประเภท มีความแม่นยำและมีค่ามากที่สุดสำหรับผู้ใช้ทุกคน
สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ SEO อื่นๆได้ที่:
Google นั้นเล็งเห็นความสำคัญและไม่มีใครอยากอยากเสพการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือไม่เป็นความจริง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครต้องการหยุดไม่ให้ผู้คนแบ่งปันมุมมองใหม่ๆหรือมุมมองอื่นๆเช่นกัน การเพิ่มเนื้อหาใหม่เหล่านี้พยายามสร้างสมดุลระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ โดยการเพิ่มการจับคู่ตามบริบทในผลการค้นหาของ Google เพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นพ้องโดยรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้มากขึ้นมากที่สุด ที่ Google ให้ความสำคัญ
ดังนั้น หากเรากำลังทำ SEO แล้วอันดับร่วงก็ไม่ต้องตกใจไปครับ ดังนั้นเพียงแค่เราเข้าไป เพิ่มเติมทำให้เนื้อหาของเรานั้นมีแหล่งของข้อมูลที่ถูกต้องและมี แหล่งอ้างอิงข้อมูลที่น่าเชื่อที่ได้เพียงเท่านี้ อันดับของเราก็จะกลับมาดีเหมือนเคย ครับ