ความรู้ SEO

5 เทรนด์ การทำ SEO ที่คุณต้องรู้ในปี 2024

โลกของ SEO นั้นต้องบอกเลยว่ามีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา และการอัปเดทของ Google อยู่เสมอถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จ ในการทำการตลาดด้วย sro ในปี 2024 บทความนี้เราเลยจะมาแนะนำ ให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของการทำ SEO ในปี 2024 ซึ่งจะมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมของผู้ใช้ที่เปลี่ยนแปลงไป มาดูกันได้เลย

5 สิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้ ในการทำ seo ให้ได้ผลลัพธ์มากที่สุดปี 2024

1.มุ่งเน้นที่จุดประสงค์ของผู้ใช้และบริบทในการค้นหา

ในอดีต SEO มุ่งเน้นไปที่การ เลือกใช้ Keyword และการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าชมเว็บไซต์ เป็นหลัก แต่ ในปี 2024 นี้ Google จะให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจจุดประสงค์ของผู้ใช้และบริบทในการค้นหามากยิ่งขึ้น ซึ่งหมายความว่าเนื้อหาของนั้น จะต้องมีความเกี่ยวข้องสูงและตอบคำถามเฉพาะเจาะจงที่ผู้ใช้ค้นหาได้อย่างตรงประเด็นนั่นเองครับ

หากเราต้องการเพิ่มประสิทธิภาพตามจุดประสงค์ของผู้ใช้ ผมแนะนำให้ลองปรับแต่งเนื้อหาดังนี้ :

  • สร้างเนื้อหาที่ชื่อเน้นหัวข้อและ keyword ที่สำคัญ
  • ใช้ keywordที่มีความยาวขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสะท้อนถึงความตั้งใจของผู้ใช้
  • จัดโครงสร้างเนื้อหาในลักษณะที่ผู้ใช้เข้าใจง่าย
  • ใช้มาร์กอัปความหมายเพื่อช่วยให้ Google เข้าใจความหมายของเนื้อหา

อ่านบริบทในการค้นหาเพิ่มเติมได้ที่> Search Intent คืออะไร? ทำไมคนทำ seo ต้องรู้

2.การเพิ่มขึ้นของการค้นหาด้วยเสียง

การค้นหาด้วยเสียงกำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าภายในปี 2024 จะมีการค้นหาด้วยเสียง เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

ซึ่งหมายความว่าเราต้องเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเราสำหรับการค้นหาด้วยเสียงด้วยโดยสามารถปรับปรุงได้ดังนี้:

  • การสร้างเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับ ความเป็นธรรมชาติมากที่สุด
  • การใช้ keywordที่มีความยาวขึ้น ที่มีแนวโน้มที่จะใช้ในการค้นหาด้วยเสียง
  • ตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเราเหมาะกับมือถือ เนื่องจากการค้นหาด้วยเสียงส่วนมากจะถูกใช้บนโทรศัพท์เป็นหลัก

3.ความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของ AI

AI กำลังมีบทบาทสำคัญในการทำ SEO มากขึ้นเครื่องมือหลายตัวตอนนี้ก็ถือว่าเป็นตัวช่วยในการทำ seo ให้เลือกใช้อย่างมากในปัจจุบัน เราสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการปรับปรุง seo บนเว็บไซต์ของเราได้แก่:

  • เข้าใจจุดประสงค์ของผู้ใช้และบริบทการค้นหาได้ดีขึ้น
  • ปรับแต่งผลการค้นหาตามผู้ใช้แต่ละราย

ข้อแนะนำ

เราต้องรู้ว่า AI นั้นมีประโยชน์ต่อการทำ SEO อย่างไร และปรับกลยุทธ์ของเราให้เหมาะสมหากเราเลือกใช้ เครื่องมือหรือ AI ในการช่วยปรับปรุงในการสร้างเนื้อหา หรือไอเดีย

Canva-pro-ตลอดชีพราคา

4.เนื้อหาคุณภาพสูง

เนื้อหาคุณภาพสูงมีความสำคัญต่อ SEO มาโดยตลอด แต่จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในปี 2024 เพราะทาง Google ให้การจัดอันดับ แก่เว็บไซต์ที่เผยแพร่เนื้อหาที่ให้ข้อมูล น่าสนใจ และมีคุณค่า

ดังนั้นหากเราต้องการสร้างเนื้อหาคุณภาพสูง สมารถปรับแต่งเนื้อหาได้ดังนี้:

  • มุ่งเน้นที่การสร้างเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย
  • เนื้อหาของเราเขียนได้ดีและไม่มีข้อผิดพลาด
  • เผยแพร่เนื้อหาของเราเป็นประจำ
  • โปรโมตเนื้อหาของเราบนโซเชียลมีเดียและช่องทางอื่น ๆ

5.ความสำคัญของการแสดงผลบนโทรศัพท์

ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังใช้โทรศพท์มือถือ เพื่อค้นหาข้อมูลบนโลกออนไลน์ ซึ่งหมายความว่าเราต้องแน่ใจว่าเว็บไซต์ของเรานั้นเหมาะกับมือถือและปรับการแสดงผลให้เหมาะกับผลการค้นหาบนมือถือ

การเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้เหมาะกับโทรศัพท์มือถือ :

  • ใช้การออกแบบที่ตอบสนองซึ่งปรับให้เข้ากับขนาดหน้าจอที่แตกต่างกัน
  • เว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว
  • เว็บไซต์ของเราใช้งานง่ายบนอุปกรณ์เคลื่อนที่

สรุป

การติดตามเทรนด์ SEO ในปี 2024 ในปีล่าสุด จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเว็บไซต์ของเรานั้นปรากฏในผลการค้นหาบน Google และดึงดูดปริมาณการเข้าชมที่มากยิ่งขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นโยชน์ในการช่วยให้เพื่อนๆทุกคนช่วยปรับปรุงเนื้อหา หรือบทความในเว็บไซต์เพื่อให้อันดับ ของเรา นั้นยังอยู่บน google ลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ดูได้เลยครับ ตาคุณแล้ว ที่จtปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหา เพื่อมุ่งหน้าสู้ การทำ seo ในปี 2024

5 เทรนด์ การทำ SEO ที่คุณต้องรู้ในปี 2024 Read More »

5 เทรนด์ การทำ SEO ปี 2024

7 คอร์สเรียน SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ ปูพื้นฐานแน่นๆ

อยากเรียนรู้ SEO แต่ไม่มีงบ เรามีคอร์สเรียน SEO ฟรีมาแนะนำ ปูพื้นฐานให้แน่นๆ เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เรียนจบแล้วนำไปใช้ได้จริง คลิกที่ลิงค์ด้านล่างเพื่อสมัครเรียนเลย รวมมาให้หมดแล้วจากสถาบันสอน SEO ว่างแล้วไปนั่งเรียนกันยาวๆ ได้เลย

คอร์สเรียน SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ ฉบับปูพื้นฐาน

พร้อมแล้วมาดูกันได้เลย ลุย

1.คอร์สเรียน SEO Training Course – HubSpot Academy

คอร์สนี้จะช่วยให้เราได้เรียนรู้วิธีการประเมิน และปรับปรุงการเขียน SEO บทเว็บไซต์ของเรา การเพิ่มการมองเห็นในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาโดยการใช้ลิงคก์ย้อนกลับ และการใช้ข้อมูลเชิงลึกจากข้อมูล เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการค้นหาของเรา

เป็นคอร์สที่เรียนชิลล์ๆ มีทั้งหมด 6 บทเรียน ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. แถมยังได้ใบ Certificate อีกด้วยนะทุกคนนน

2.คอร์สเรียนGoogle Digital Marketing Course

สำหรับใครที่อยากมาสายการตลาด ไม่มีความรู้พื้นฐานมาก่อนเลย แนะนำคอร์สนี้ ปูพื้นฐานตั้งแต่ต้นยังจบ แถมยังได้ใบ Certificate ด้วยนะ

3.คอร์สเรียนSEO Training Course by Moz – Udemy

คอร์สเรียนนี้เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นฐานอยู่แล้ว มีการอธิบายหลักการ SEO และเทคนิคที่ดีสุด ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกได้อย่างดีแตกต่างจากหลัดสูตรการเขียน SEO อื่นๆ แต่ไม่มีใบ Certificate ให้นะ

4.คอร์สเรียน SEO – QuickSprout

เว็บไซต์นี้ไม่ได้มีวิดีโอเหมือนคอร์สเรียนอื่นๆ นะ แต่ได้รวมเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับ SEO มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปรียบเทียบเครื่องมือ SEO วิธีการปรุงผลการค้นหาหน้าเว็บไซต์ในปี 2022 เหมือนเป็นคลังความรู้ให้เราได้ติดตามอ่าน แถมยังมีบทความที่น่าสนใจเพื่อพัฒนาการเขียน SEO ของเราด้วยนะ

5.คอร์สเรียนSEO Specialization Course – Coursera

คอร์สนี้เหมาะกับคนที่มีพื้นฐาน SEO มาบ้างแล้ว ซึ่งจะช่วยให้เราทำการวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และวิธีสร้างความสัมพันธ์ในการทำงานร่วมกับอินฟลูเอนเซอร์ เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลดูว่าเนื้อกาใดได้รับการแชร์มากที่สุด เรียนจบก็ยังได้รับใบ Certificate นะ

6.คอร์สเรียน Semrush SEO Toolkit Course – Semrush

เว็บนี้มีให้เราเลือกหัวข้อเรียน SEO ตั้งแต่ปูพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง อยากรู้เรื่องอะไร ก็เลือกได้ตามใจชอบเลย

7.คอร์สเรียนSEO Training – Yoast

คอร์สเรียนนี้ใครไม่มีพื้นฐานก็เรียนได้ เพราะมีการสอน SEO และ WordPress สำหรับผู้ที่เริ่มต้นด้วย แต่ถ้าใครอยากรู้ลึกมากกว่านั้น ก็ต้องยอมจ่ายเงินนะ

สรุป

คอร์สเรียนนี้สอน SEO พื้นฐาน เช่น ความหมายของ SEO, ปัจจัยที่มีผลต่อ SEO, เครื่องมือ SEO, วิธีทำ SEO บนเว็บไซต์, วิธีวิเคราะห์คู่แข่ง SEO เป็นต้น คอร์สเรียน SEO ฟรีเหล่านี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการเรียนรู้ SEO โดยคอร์สเรียน

เหล่านี้จะสอนพื้นฐาน SEO ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจหลักการสำคัญของ SEO และสามารถนำไปปรับใช้กับเว็บไซต์ของคุณได้

นอกจากคอร์สเรียนฟรีเหล่านี้แล้ว ยังมีแหล่งเรียนรู้ SEO อื่นๆ อีกมากมาย เช่น บทความ SEO, หนังสือ SEO, เว็บไซต์ SEO เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งเรียนรู้เหล่านี้ได้เช่นกัน

7 คอร์สเรียน SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ ปูพื้นฐานแน่นๆ Read More »

คอร์สเรียน SEO ฟรี สำหรับมือใหม่ ปูพื้นฐานแน่นๆ

สอนทำSEO สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน ลงมือทำตามได้เลย

ไม่ว่าขนาด สถานที่ หรือประเภท ธุรกิจของเราจะได้รับประโยชน์จาก SEO และเราสามารถเริ่มทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจSME ได้แล้ววันนี้ แม้จะมีเวลาและทรัพยากรจำกัดก็ตาม บทความนี้ Fasttacks ได้นำขั้นตอนเพื่อให้เราเริ่มต้นการเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องมือค้นหาบน google สำหรับธุรกิจ SME

SEO สำหรับธุรกิจ SME คืออะไร ?

SEO สำหรับธุรกิจ SME คือ กระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์และสถานะออนไลน์ของคุณ เพื่อปรับปรุงการเข้าชมจาก Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ ซึ่งหมายถึงการนำคนที่เหมาะสมมาสู่เว็บไซต์ของเรามากขึ้น: ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า ลูกค้า และผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าSEO สำหรับธุรกิจ SME เป็นเพียงส่วนย่อยของ SEO ทั่วไป แต่ด้วยวิธีการที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นและทรัพยากร

น้อยลง และหากเราเป็นธุรกิจSME ที่มีสถานที่ตั้งจริง การเน้นที่ผลการค้นหาในท้องถิ่นก็เช่นกัน เมื่อเราได้รับการเข้าชมมากขึ้น เราจะมีโอกาสที่จะเปลี่ยนการเข้าชมนั้นเป็นลูกค้าหรือลูกค้า ด้วยการแสดงตนทางออนไลน์ที่ปรับให้เหมาะสม ธุรกิจของเราสามารถเป็นตัวเลือกสำหรับพวกเขาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

14 เคล็ดลับ SEO สำหรับธุรที่มีหน้าร้าน เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์

พร้อมแล้ว มาลงมือทำไปพร้อมๆกันเลย ลุย

1.ตั้งค่า Google Analytics และ Google Search Console

Google Analytics และ Google Search Console เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการติดตามสำหรับการทำ SEO และติดตามความคืบหน้าของเว็บไซต์เรา

ดังนั้นเราจะต้องมีความความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับเมตริกการเข้าชมและการมีส่วนร่วมในปัจจุบันก่อน เพื่อให้ทราบว่าการทำ SEO ใดๆนั่น ได้ผลหรือไม่ได้ผลลัพธ์

นอกจากนี้ เราจะต้องตรวจสอบข้อมูลนี้ต่อไปเมื่อเวลาผ่านไปเพื่อทำความเข้าใจว่าการทำ Seoของเรา เป็นอย่างไร ติดตามความคืบหน้า และทราบว่าการเปลี่ยนแปลงใดส่งผลดีต่อธุรกิจของเราโชคดีที่ Google ให้บริการโซลูชันเหล่านี้ฟรี เราเลยต้องใช้ประโยชน์จากเครื่องมือนี้มากๆ

แถมยังเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ของเราโดยใช้โค้ดไม่กี่บรรทัด (ไม่ต้องกังวล มันง่าย)

Google Analytics เป็นแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเข้าชม วิธีที่ผู้ใช้มีส่วนร่วมกับเว็บไซต์ของเรา คอนเวอร์ชั่น ข้อมูลประชากรของผู้ใช้ และอื่นๆ อีกมากมาย

Google Analytics เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการติดตามความคืบหน้าและทำความเข้าใจผู้ใช้ของเรา

Google Search Console คือ แดชบอร์ดที่ให้ข้อมูลว่าเว็บไซต์ของเราปรากฏใน Google Search อย่างไร

นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาใดๆ ที่ Google มีกับเว็บไซต์ของเรา และอนุญาตให้ส่งการแก้ไข แผนผังเว็บไซต์ และข้อมูลสำคัญอื่นๆ

แม้ว่า Google Analytics จะมีความสำคัญต่อการทำความเข้าใจผู้ใช้ของเรา และวิธีที่พวกเขาโต้ตอบกับไซต์ แต่ Google Search Console เป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจว่า Google ดูเว็บไซต์ของเราอย่างไร และวิธีการทำงานใน SERP

2.ตั้งค่าโปรไฟล์ธุรกิจบน Google

ข้อมูลธุรกิจของ Google จำเป็นอย่างยิ่งหากเราเป็นธุรกิจในท้องถิ่น ที่ให้บริการลูกค้าในพื้นที่ ธุรกิจในท้องถิ่นดังกล่าวนี้ รวมถึงร้านอาหาร ร้านค้าทางกายภาพ สำนักงานกฎหมาย สำนักงานแพทย์ สำนักงานทันตกรรม ช่างไฟฟ้า ช่างเครื่อง และอื่นๆ อีกมากมาย

Google Business Profile เป็นเครื่องมือฟรีที่มีอิทธิพลต่อการที่ธุรกิจของเราปรากฏใน Google Search, Google Maps และ Google Shopping 

โดยพื้นฐานแล้วเป็นโปรไฟล์ที่สามารถตั้งค่าบน Google เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาและเรียนรู้เกี่ยวกับธุรกิจของเราได้เบื้องต้นด้วย Google Business Profile เราจะมองเห็นการค้นหาและรวบรวมและตอบกลับรีวิวได้

เรายังสามารถแบ่งปันข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญกับลูกค้า เช่น หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล และเวลาทำการ 

ผู้ใช้จะเห็นรายชื่อของเราเมื่อพวกเขาค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจในท้องถิ่น

นอกจากนี้ บัญชี Google Business Profile ยังสามารถเข้าถึงการวิเคราะห์และข้อมูล

แพลตฟอร์มนี้ให้ข้อมูลการดูโปรไฟล์ การโทร ข้อความ จำนวนครั้งที่ผู้คนค้นหาธุรกิจของเรา และอื่นๆ

3.ทำวิจัย keyword หลัก

การวิจัยคำหลักเป็นรากฐานของกลยุทธ์ SEO สำหรับธุรกิจ SME เราจะใช้มันเพื่อสร้างแนวคิดเนื้อหา เพิ่มประสิทธิภาพเพจ สร้างโครงสร้างเว็บไซต์ และแม้กระทั่งดูแลจัดการรายชื่อ Google Business Profile ของเรา

Keyword หลัก คือ คำและวลีที่ผู้ใช้พิมพ์ลงในการค้นหาของ Google

Keyword หลัก มีความสำคัญต่อ SEO เนื่องจากคำเหล่านี้บอกเราได้อย่างชัดเจนว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไรและคำที่ใช้ค้นหา

เราสามารถใช้ Keyword หลักเหล่านี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ เพื่อให้ทั้ง Google และผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเรารู้ว่าธุรกิจของเราสามารถจัดหาสิ่งที่พวกเขากำลังมองหาได้

ในการค้นหา Keyword หลัก สามารถอ่านได้ที่บนความนี้ วิธีใช้ Ubersuggest โปรแกรมหา keyword (ฟรี)

4.วิเคราะห์คู่แข่ง SERP

ด้วยการวิเคราะห์คู่แข่ง SERP เราสามารถค้นหาKeyword หลักเพิ่มเติม ทำความเข้าใจประเภทของเนื้อหาที่ผู้ใช้ของเราต้องการดู และทำความเข้าใจเกี่ยวกับธุรกิจของเราให้กว้างขึ้น

แต่คู่แข่งของ SERP คืออะไร?

คู่แข่ง SERP ของเรา คือเว็บไซต์ที่เราจะแข่งขันด้วยเพื่อให้เห็น SERPs

พวกเขาอาจจะเป็นหรือไม่ใช่คู่แข่งออฟไลน์ของเราก็ได้

ลองดูที่ SERP สำหรับ “ร้านซูชิ”

ผลลัพธ์สามอันดับแรกในแพ็คแผนที่ (ระบุในภาพว่า “สถานที่”) คือร้านซูชิ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นคู่แข่งออฟไลน์ที่แท้จริงของเรา

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ผลลัพธ์ดูเหมือนจะเป็นเว็บไซต์และบล็อกรีวิวร้านอาหาร

ไม่ว่าเราจะพบเว็บไซต์ใดใน SERPs เราจำเป็นต้องรู้ว่าเรากำลังเผชิญกับอะไร เพื่อที่เราจะได้ปรับแต่งแนวทางของเราให้เหมาะสม

เราสามารถวิเคราะห์เว็บไซต์เหล่านี้เพื่อดูว่าพวกเขาใช้คำหลักอย่างไร โครงสร้างไซต์ของพวกเขาเป็นอย่างไร และเนื้อหาประเภทใดที่พวกเขากำลังสร้าง

เราจะต้องใช้ข้อมูลนี้เมื่อถึงเวลาที่จะเริ่มเพิ่มประสิทธิภาพไซต์ของเราเอง

เมื่อวิเคราะห์คู่แข่งของ SERP สำหรับคีย์เวิร์ดเป้าหมายของเรา ต้องรู้สิ่งเหล่านี้:

  • พวกเขาจัดอันดับหน้าแรกหรือหน้าเฉพาะหรือไม่
  • คำหลักที่ใช้ในเพจเป็นอย่างไร?
  • พวกเขาจัดโครงสร้างเว็บไซต์อย่างไร (คำแนะนำ: ดูที่เมนูการนำทางส่วนหัว)
  • พวกเขามีเนื้อหาประเภทใด?
  • ดูเหมือนว่าพวกเขาจะกำหนดเป้าหมายไปที่ใคร (เช่น เด็ก ครอบครัว นักธุรกิจ ฯลฯ)

5.ตรวจสอบโครงสร้างเว็บไซต์

โครงสร้างเว็บไซต์ คือ การจัดกลุ่มเพจและเนื้อหาของเราเข้าด้วยกันกำหนดว่าเครื่องมือค้นหาและผู้ใช้สามารถสำรวจเว็บไซต์ของเราได้ง่ายเพียงใด ซึ่งรวมถึงเมนูส่วนหัวและส่วนท้าย ตลอดจนโครงสร้าง URL และวิธีการเชื่อมโยงไปยังหน้าต่างๆ ภายในเว็บไซต์ของเรา

ด้วยโครงสร้างเว็บไซต์ที่ไม่ดี หน้าเว็บของเราอาจไม่ได้อันดับที่ดี และผู้ใช้ของเราจะค้นหาไม่เจอ

สิ่งนี้ไม่ดีสำหรับการทำ SEO และไม่ดีต่อธุรกิจ

โครงสร้างไซต์ที่ดีช่วยให้ผู้ใช้ (และเครื่องมือค้นหา) สำรวจเว็บไซต์ของเราได้อย่างง่ายดายและเข้าถึงทุกหน้าด้วยการคลิกสี่ครั้งหรือน้อยกว่านั้น

หากต้องการตรวจสอบโครงสร้างปัจจุบันของเว็บไซต์ของเรา ให้แสร้งทำเป็นว่าเราเป็นผู้ใช้ที่กำลังมองหาข้อมูลเฉพาะบนเว็บไซต์ของเรา

เราสามารถหาสิ่งที่คุณต้องการได้อย่างง่ายดาย?

มีอะไรที่ทำให้สับสน ผิดที่ หรือซ่อนอยู่หรือไม่?

หากเราสังเกตเห็นปัญหาใดๆ กับโครงสร้างเว็บไซต์ของเรา เราควรพิจารณาสร้างแผนผังใหม่

การวิจัยคำหลักมักเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดโครงสร้างเว็บไซต์ในอุดมคติของการทำ SEO

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโครงสร้างเว็บไซต์ของเราชัดเจน ง่าย และสมเหตุสมผล

สำหรับร้านซูชิของเรา เราสามารถใช้โครงสร้างที่เรียบง่ายได้ ด้วยรายการต่อไปนี้ในเมนูส่วนหัว:

  • หน้าเมนู
  • เกี่ยวกับเพจ
  • หน้าการจองออนไลน์
  • ติดต่อเพจ
  • บล็อกที่เราสามารถโพสต์บทความหรือข่าวสารเกี่ยวกับธุรกิจของเรา (ไม่บังคับ)
  • คลังภาพ (ไม่บังคับ)

หากร้านอาหารของเรามีสถานที่หลายแห่ง เราสามารถรวมหน้าแต่ละหน้าสำหรับสถานที่แต่ละแห่งได้ โดยใช้ URL ดังต่อไปนี้:

sushi-restaurant.com/lincoln-park/
sushi-restaurant.com/michigan-ave/
sushi-restaurant.com/wicker-park/

หรือหากเราดำเนินธุรกิจในที่แห่งเดียวแต่มีหลายแง่มุมในธุรกิจของคุณ คุณอาจเลือกสิ่งต่อไปนี้:

sushi-restaurant.com/omakase/
sushi-restaurant.com/catering/
sushi-restaurant.com/take-out-bento/

จัดทำผังเว็บไซต์ ที่เราต้องการตามการวิจัยคำหลักและการวิเคราะห์ SERP และพิจารณาอย่างรอบครอบว่าลูกค้ามีส่วนร่วมกับธุรกิจของเราอย่างไร

6.เพิ่มมาร์กอัปสคีมา

มาร์กอัปสคีมา คือ ข้อมูลที่มีรูปแบบพิเศษที่เราสามารถเพิ่มลงในโค้ดของเราเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเพจของเราแก่เครื่องมือค้นหา

การใช้สคีมามาร์กอัปยังช่วยให้เว็บของปรากฏในผลการค้นหาแบบพิเศษใน SERP ที่เรียกว่าผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์

ในตัวอย่างด้านล่าง Google แสดงผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์สำหรับ Target

ผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังช่วยให้ Target มีอสังหาริมทรัพย์ SERP มากขึ้น เนื่องจากพวกเขากดผลลัพธ์ที่เหลือลง

ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีการคลิกมากขึ้นสำหรับ Target

มีประเภทสคีมาสำหรับ:

  • ธุรกิจในท้องถิ่น
  • ร้านอาหาร
  • ทันตแพทย์
  • คนขายดอกไม้
  • โรงพยาบาล
  • โรงแรม
  • ร้านทำเล็บ
  • ตัวแทนอสังหาริมทรัพย์
  • และอื่น ๆ

แม้ว่าสคีมาจะเป็นแนวคิด SEO ขั้นสูง แต่ก็มีวิธีง่ายๆ ในการติดตั้งบนเว็บไซต์ของเราโดยใช้เครื่องมือและปลั๊กอินที่สามารถใช้งานได้ฟรี

7.เพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบในหน้า

การเพิ่มประสิทธิภาพองค์ประกอบในหน้า เช่น ชื่อ คำอธิบายเมตา และส่วนหัว เป็นวิธีที่เร็วที่สุดวิธีหนึ่งในการชนะ SEO สำหรับธุรกิจ SME

ชื่อเรื่อง Title

ชื่อเรียกอีกอย่างว่า แท็กชื่อเรื่อง และชื่อเมตาคือองค์ประกอบของเว็บไซต์ที่แสดงถึงชื่อเรื่องของเพจ

มักพบเห็นและใช้บ่อยที่สุดในผลการค้นหา

ในตัวอย่างด้านล่าง ชื่อเรื่องคือ “ FAST TACKS บริการทำโฆษณาและการตลาดออนไลน์ ”

สามารถเพิ่มประสิทธิภาพชื่อเรื่องด้วยคำหลักเพื่อมีอิทธิพลต่อการจัดอันดับใน SERP

และเนื่องจากสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งแรกที่ผู้ใช้สังเกตเห็นในผลการค้นหา เราจึงควรเพิ่มประสิทธิภาพให้กับความสามารถในการคลิกและความน่าสนใจ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกหน้าในเว็บไซต์ของคุณมีชื่อที่น่าสนใจและไม่ซ้ำใคร

ต่อไปนี้เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนแท็กชื่อ:

  • ชื่อเรื่องควรมีความยาว 55 ถึง 60 อักขระ
  • ใช้คำหลักเป้าหมายของคุณ
  • อธิบายเนื้อหาเพจของคุณอย่างชัดเจนและถูกต้อง
  • ช่วยให้ผู้คนเข้าใจสิ่งที่พวกเขาจะพบในหน้า
  • ดึงดูดให้ผู้ใช้คลิก
  • ใช้ชื่อบริษัทหรือแบรนด์ของเรา
  • ง่าย ๆ เข้าไว้

คำอธิบายเมตา

คำอธิบาย Meta คือ องค์ประกอบของเว็บไซต์ที่บอก Google และผู้ใช้ของเราว่าหน้าเว็บของเราเกี่ยวกับอะไร

เป็นโอกาสอันดีที่จะบอกผู้ใช้เกี่ยวกับเพจของคุณสักเล็กน้อย และกระตุ้นให้พวกเขาคลิกที่ผลลัพธ์ของคุณ

สามารถพบได้ใน SERPs ใต้ชื่อเรื่อง

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าทุกหน้าในเว็บไซต์ของเรามีคำอธิบายเมตาที่ไม่ซ้ำกันซึ่งสะท้อนถึงเนื้อหาของหน้านั้นได้อย่างถูกต้องและเป็นการดีที่ใช้ประโยชน์จากKeyword

แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในการเขียนคำอธิบายเมตา มีดังนี้:

  • คำอธิบายเมตาควรเป็นหนึ่งหรือสองประโยคและมีความยาว 140 ถึง 160 อักขระ
  • รวมหนึ่งหรือสองคำหลัก
  • เพิ่มคำกระตุ้นการตัดสินใจหากเกี่ยวข้อง
  • คำอธิบาย Meta ควรมีความหมายและอธิบายเนื้อหา
  • กำหนดเป้าหมายอารมณ์

ส่วนหัว

ส่วนหัวเป็นองค์ประกอบที่แสดงถึงโครงสร้างและลำดับชั้นของเนื้อหา นั่นหมายถึงส่วนหัวคือข้อความที่มีขนาดและ/หรือสไตล์ต่างกันซึ่งระบุส่วนต่างๆ ของเนื้อหา

ค่าส่วนหัวที่ใช้บนเว็บไซต์คือ H1, H2, H3, H4, H5 และ H6

โดยทั่วไปแล้ว H1 จะใหญ่และสำคัญที่สุด

ในตัวอย่างด้านล่าง

เช่นนี้ประกอบขึ้นเป็นโครงสร้างของหน้าหรือเนื้อหาบางส่วน และให้บริบทเพิ่มเติมแก่ Google (และผู้ใช้) ว่าเพจของเราเกี่ยวกับอะไร

Google ขอแนะนำให้ใช้ส่วนหัวเพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหา

และดูเหมือนว่าเครื่องมือค้นหาจะกำหนดน้ำหนักให้กับคำหลักที่ใช้ในส่วนหัวมากขึ้น

ใช้ประโยชน์จากคำหลักในส่วนหัวเพื่อเชื่อมโยงเพจของเรากับคำที่ผู้ชมเป้าหมายของเราค้นหา

เพียงตรวจสอบให้แน่ใจว่าส่วนหัวของเรายังคงอ่านได้อย่างเป็นธรรมชาติและจัดเตรียมโครงสร้างที่ถูกต้อง

คำแนะนำในการเขียนส่วนหัวของเนื้อหา :

  • ใช้ H1 สำหรับหัวเรื่องหลัก (หรือชื่อในหน้า)
  • รวมคำหลักอย่างเป็นธรรมชาติ
  • ใช้ H2s ถึง H6s เพื่อแบ่งเนื้อหาของเพจและจัดเตรียมโครงสร้าง
  • เขียนสำหรับผู้ใช้เป้าหมายของเรา
  • ใช้เพื่อสรุปเนื้อหาที่มีอยู่ในส่วนต่างๆ

8.สร้างเนื้อหาเพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าของเรา

การสร้างเนื้อหาเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ สามารถช่วยให้เราเข้าถึงผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าและเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นลูกค้าจริงได้

แนวคิดนี้มีไว้เพื่อให้ผู้ใช้ค้นหาเนื้อหาของเราใน SERPs มีส่วนร่วมกับเนื้อหานั้น และแจ้งให้เราทราบเมื่อพวกเขาพร้อมที่จะซื้อหรือเป็นลูกค้า

แต่ในการสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพสำหรับ SEO สำหรับธุรกิจSME เราต้องเข้าใจกลุ่มเป้าหมายและสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น

เราสามารถสร้างบทความหลายบทความสำหรับร้านซูชิของเรา ที่กำหนดเป้าหมายคำหลัก เช่น “ซูชิคืออะไร” “ซูชิดีต่อสุขภาพอย่างไร” และ “ซูชิปราศจากกลูเตน” ผู้คนหลายพันคนค้นหาคำถามเหล่านี้ทุกเดือน

หากเราสามารถจัดอันดับตามคำเหล่านี้ได้ เราจะสามารถนำผู้มีโอกาสเป็นลูกค้ามายังเว็บไซต์ของเราได้จำนวนมากเราจะเพิ่มวิธีการให้ความรู้และเชื่อมต่อกับผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าของเรา

ใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญเฉพาะของเราเพื่อสร้างเนื้อหาข้อมูลคุณภาพสูงที่ให้คุณค่าแก่ผู้ชมของเรา

รวมคำหลักและใช้ส่วนหัวเพื่อจัดโครงสร้างเนื้อหาเพิ่มวิชวล เช่น รูปภาพและวิดีโอเพื่อทำให้เนื้อหาของเรามีส่วนร่วมมากขึ้น

เรายังสามารถโปรโมตเนื้อหาของเราด้วยการแชร์บนโซเชียลมีเดียและช่องทางอื่น ๆ เพื่อเพิ่มการเข้าชม

เนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่เชื่อมต่อกับกลุ่มเป้าหมายของเราสามารถนำการเข้าชมมายังเว็บไซต์ของเราและทำต่อไปหลังจากที่เผยแพร่แล้ว

9.ค้นหาและแก้ไขปัญหา SEO ขั้นพื้นฐาน

แง่มุมทางเทคนิคหลายประการของ SEO อาจส่งผลเสียต่ออันดับและการมองเห็นของเราใน SERP

ซึ่งรวมถึงสิ่งต่อไปนี้:

  • หน้าที่ Google ไม่พบหรือรวบรวมข้อมูลไม่ได้
  • ลิงก์เสีย
  • ความเร็วไซต์ช้า
  • ข้อผิดพลาดของแผนผังเว็บไซต์
  • เนื้อหาที่ซ้ำกัน
  • ปัญหาความปลอดภัยของเว็บ
  • ข้อผิดพลาดในการใช้งานสคีมา
  • และอื่น ๆ

หาทางแก้ไขปัญหาและแก้ไขสิ่งที่เราทำได้

แม้ว่าเราจะไม่สามารถแก้ไขทุกอย่างได้ในขณะนี้ แต่การปรับปรุงใด ๆ ที่เราทำจะช่วยปรับปรุง SEO และการมองเห็นได้อย่างดีขึ้น

10.สร้างรายชื่อออนไลน์ที่เกี่ยวข้องสำหรับธุรกิจ

หนึ่งในปัจจัยหลักในการจัดอันดับของ Google คือลิงก์ย้อนกลับ หรือ backlink ลิงค์บนเว็บไซต์อื่นที่ชี้ไปที่เว็บไซต์ของเรา สิ่งเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับ Google เนื่องจากทำหน้าที่เป็นคะแนนความเชื่อมั่นในเว็บไซต์ของเรา

โดยทั่วไป ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเราจะบอก Google ว่าไซต์ของเราเป็นแหล่งข้อมูลที่ดี

ยิ่งเราได้ backlink มากเท่าไหร่ เว็บไซต์ที่เราได้รับลิงก์เหล่านั้นก็จะยิ่งมีขนาดใหญ่และดีขึ้นเท่านั้น Google ก็จะยิ่งดูดีมากขึ้นเท่านั้น

และ Google จะจัดอันดับไซต์ของเราให้สูงขึ้น แต่การทำให้เว็บไซต์เชื่อมโยงกับเรานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย

ต้องใช้เวลาและทักษะถึงกระนั้น ธุรกิจ SME ก็ต้องการลิงก์ย้อนกลับเพื่อให้อยู่ในอันดับที่ดีใน SERP

11.ขอให้ซัพพลายเออร์และสมาคมธุรกิจเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของเรา

กลยุทธ์การสร้างลิงก์ที่พิสูจน์แล้วอีกประการหนึ่งที่ธุรกิจSME เกือบทุกแห่งสามารถดำเนินการได้คือติดต่อซัพพลายเออร์และสมาคมธุรกิจและขอให้เชื่อมโยงมาหาเรา

หากเราขายหรือใช้ผลิตภัณฑ์ของธุรกิจอื่น ให้ติดต่อพวกเขาและสอบถามว่าพวกเขายินดีลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเราได้หรือไม่

นอกจากนี้ พวกเขาอาจมีข้อแนะนำเสนอเราเพื่อแลกกับการลิงก์กลับมาที่เว็บของเรา

อีกหนึ่งวิธี ใช้ความคิดสร้างสรรค์และพยายามคิดหาวิธีอื่น ๆ ในการรับลิงก์ไปยังเว็บไซต์ของเราในเว็บไซต์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมของเรา

12.ตรวจสอบรายชื่อท้องถิ่น

ความถูกต้องและความสอดคล้องของข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญของเรา (NAP หรือชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์) เป็นสิ่งสำคัญ

หากข้อมูลนี้ไม่ถูกต้องในที่ใดที่หนึ่ง เช่น บนเว็บไซต์หรือใน Google Business Profile ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าจะติดต่อเราไม่ได้ แล้วเราจะพลาดโอกาสทางธุรกิจ

ผู้ใช้จะรู้สึกไม่ดีด้วย เพราะพวกเขาจะพบธุรกิจที่พวกเขาชอบ แต่ไม่สามารถติดต่อได้

Google ตระหนักถึงสิ่งนี้และให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความถูกต้องและความสอดคล้องของรายชื่อในท้องถิ่นของเรา โดยเฉพาะชื่อธุรกิจ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ของเรา หากธุรกิจของเรามีหมายเลขโทรศัพท์หรือที่อยู่ที่ต่างกัน 2 รายการบนอินเทอร์เน็ต Google อาจจัดอันดับเราให้ต่ำกว่า

ท้ายที่สุดแล้ว Google ต้องการแสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและเป็นประโยชน์ที่สุด

แต่ไม่ทราบว่ารายการใดต่อไปนี้เป็นรายชื่อที่ถูกต้อง เหตุใดจึงแสดงผลลัพธ์ที่อาจมีข้อมูลทางธุรกิจที่ไม่ถูกต้อง

ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตรวจสอบรายชื่อในพื้นที่ของเรา (นั่นคือทุกที่ในโลกออนไลน์ที่มีการกล่าวถึงธุรกิจของเรา) และตรวจสอบให้แน่ใจว่าทั้งหมดเป็นปัจจุบันและสอดคล้องกัน

แต่เมื่อจำนวนรายชื่อของเราเพิ่มขึ้น การติดตามรายชื่อทั้งหมดอาจกลายเป็นเรื่องซับซ้อนมากขึ้น

13.ส่งเสริมและตอบสนองต่อคำวิจารณ์

บทวิจารณ์ส่งผลต่อการจัดอันดับ Google ของเราและผู้คนจะเชื่อถือธุรกิจของเราหรือไม่

ยิ่งเรามีรีวิวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดีสำหรับธุรกิจเท่านั้น

อันที่จริง จำนวนบทวิจารณ์มีความสำคัญมากกว่าคะแนนของเราด้วยซ้ำ

(แน่นอนว่าเราควรพยายามทำให้คะแนนของเราให้สูงที่สุดเช่นกัน)

ในตัวอย่างด้านล่าง เราค้นหา “ซูชิในชิคาโก”

อย่างที่เราเห็น Juno Sushi Chicago อยู่ในอันดับที่สูงกว่า Sushi Suite 202 แม้ว่าจะมีคะแนนรองลงมาก็ตาม

อาจเป็นเพราะ Juno Sushi Chicago มีรีวิวมากกว่า อย่างน้อยบางส่วน

สนับสนุนให้ลูกค้าและลูกค้าของเราให้คะแนนและวิจารณ์

และตอบกลับคำวิจารณ์—ไม่ว่าจะเป็นแง่บวกหรือแง่ลบ

ผู้คนชอบที่จะเห็นธุรกิจที่เอาใจใส่และใส่ใจลูกค้า

Google ดูเหมือนจะให้รางวัลแก่ธุรกิจที่ตอบรีวิวด้วย เนื่องจากเป็นการบ่งบอกถึงความสดใหม่และกิจกรรม

14.ติดตามอันดับของเรา

การติดตามอันดับและประสิทธิภาพของเราสำหรับคำหลักที่สำคัญเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการระบุแหล่งที่มาของความพยายาม SEO ของเราอย่างเหมาะสม ท้ายที่สุดเราต้องการทราบว่างานของเรามีผลตอบแทนใช่ไหม? Google Analytics และ Google Search Console สามารถให้ข้อมูลที่มีค่ามากมาย

แต่พวกเขาไม่สามารถบอกเราได้ว่าเราจัดอันดับสำหรับคำหลักเฉพาะได้ดีเพียงใด ข้อมูลนี้สามารถช่วยให้เราเข้าใจว่าเทคนิคการเพิ่มประสิทธิภาพใดของเรากำลังทำงานอยู่ และที่ต้องปรับแต่งเพิ่มเติม

ตรวจสอบข้อมูลการจัดอันดับของเราเมื่อเวลาผ่านไป และทำให้ SEO ปรับแต่งหน้าเว็บที่ทำงานได้ไม่ดีเท่าที่เราคิดว่าควรจะเป็น

อ่านบทความอื่นๆเกี่ยวกับ SEO: ได้ที่

สรุป

เราสามารถทำงานหลายอย่างที่ระบุไว้ข้างต้นได้ในหนึ่งวัน และฟรีและถ้าเราทำทุกอย่างได้ตามบทความที่ทางเราแนะนำมานั้น เราอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่ก็เหมือนกับความพยายามที่คุ้มค่าที่สุด เราจะเห็นประโยชน์ระยะยาวจาก SEO หากเราลงมือทำต่อไป การทำ SEO เป็นกระบวนการ เราจึงต้องสร้างเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ของเราต่อไป เพิ่มประสิทธิภาพชื่อ คำอธิบายเมตา และส่วนหัวของเราต่อไป และคอยติดตามการเข้าชมและอันดับของเรา

ด้วยความเพียรเพียงเล็กน้อย เราสามารถประสบความสำเร็จในระยะยาวด้วย SEO สำหรับธุรกิจ SME สู้ๆ ตาคุณแล้ว ไปลงมือทำกันได้เลย ลุย

บริการรับทำ SEO WordPress

Fast tacks บริการรับทำการตลาดออนไลน์

สอนทำSEO สำหรับธุรกิจที่มีหน้าร้าน ลงมือทำตามได้เลย Read More »

สอนทำSEO สำหรับมือใหม่ ลงมือทำตามได้เลย

อัปเดตอัลกอริทึม EEAT ใหม่ของ Google ปี 2023

เราทุกคนที่ทำ SEO มักเคยได้ยินเกี่ยวกับอัลกอริทึมของ Google ที่มีชื่อว่า EAT มาก่อน นั้นหมายถึงความเชี่ยวชาญ อำนาจ และความไว้วางใจ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอัลกอริทึมของ Google และเราสามารถ เพิ่มประสิทธิภาพได้ตามหัวข้อด้านล่างนี้

แต่ในปัจจุบันนั้น Google ได้ตัดสินใจที่จะเพิ่ม “E” พิเศษใน EAT ตอนนี้กลายเป็น EEAT

แล้ว “E” ใหม่ที่ Google เพิ่มคืออะไร ?

ตอบ มันคือ ประสบการณ์ นั้นเอง

แล้วความแตกต่างระหว่าง EAT กับ EEAT คืออะไร?

ดังนั้นเราอาจสงสัยว่าถ้าเราเป็นผู้เชี่ยวชาญ เราจะไม่มีประสบการณ์โดยอัตโนมัติใช่หรือไม่?

หรือถ้าเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญแต่ดันมีประสบการณ์ในหัวข้อนี้ และต้องการแบ่งปันสิ่งที่เราประสบมาอาจสร้างความสับสนเล็กน้อย และโชคดีสำหรับเราที่ Google ได้ให้คำอธิบายเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนอย่างที่เราได้เห็น ประสบการณ์ตามคำจำกัดความของ Google นั้นแตกต่างจากความเชี่ยวชาญเล็กน้อย

เหตุใด Google จึงเพิ่ม E เข้าไปในการอัปเดตอัลกอริทึม

มันสมเหตุสมผลแล้วครับ เพราะGoogle ต้องการให้เราแสดงว่า เรานั้นมีความเชี่ยวชาญ มีอำนาจ และไว้วางใจได้ แต่สิ่งที่ทำให้เนื้อหาในเว็บไซต์หรือบทความของเรานั้นยอดเยี่ยมคือประสบการณ์เมื่อเรารวมรวบการเรียนรู้ส่วนบุคคล และแสดงประสบการณ์ของเราภายในเนื้อหา สิ่งนี้จะโดดเด่นมากๆครับ สำหรับการใช้ ประสบการณ์ในการทำเนื้อหาที่ยอดเยี่ยม และนั่นคือสิ่งที่ยากที่จะทำซ้ำโดยใช้ AI ในตอนนี้

ตัวอย่างเช่น


หากคุณเป็นนักการตลาดที่มีประสบการณ์มากว่า 20 ปี และถ้าเราเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับการตลาด คนๆ หนึ่งอาจคิดว่าเนื้อหานั้นน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ที่เพิ่งเริ่มทำการตลาดใช่หรือไม่ ไม่ใช่แค่เวลาที่เราใช้ในธุรกิจนี้ แต่หากเราเคยได้รับรางวัลมากมาย หรือพูดในที่ประชุม หรือได้เขียนหนังสือขายเอง

แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเราเขียนบทความทางการตลาดอีกบทความหนึ่ง ก็ไม่ได้หมายความว่าบทความนั้นนั้นจะโดดเด่นหรือน่าทึ่ง

แต่ในทางกลับกันครับ หากเราแสดงข้อมูลภายในเนื้อหาตามการเรียนรู้ที่ผ่านมา พูดถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาของสิ่งที่ได้ผลและสิ่งที่ไม่ได้ผลในด้านการตลาด และแจกแจงความแตกต่างของการตลาดในแตะละประเภทธุรกิจ นั่นคงทำได้ยากเว้นแต่เราจะมีประสบการณ์มากมาย

ในทางกลับกัน ถ้าเรามีบริษัทและเราจ้างเอเจนซี่โฆษณาของเรา Fast tacks บริการรับทำ seo และทำงานเพื่อขยายการตลาดของคุณเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ เราสามารถเขียนเนื้อหาแบ่งปันประสบการณ์ของคุณแม้ว่าคุณจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ตามได้

ดูว่าเนื้อหาของเรานั้นนำเสนอประสบการณ์ประเภทนั้นหรือไม่ ทำให้เนื้อหานั้นมีเอกลักษณ์และมีคุณค่ามากขึ้น

แหละนั่นคือสิ่งที่เราต้องทำภายในเนื้อหาของเราเพื่อให้โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง

จะแสดงประสบการณ์ของเราได้อย่างไร?

ลองนึกถึงสิ่งที่ไม่ซ้ำใครที่เราสามารถเพิ่มเข้าไปซึ่งคนอื่นอาจไม่รู้ นั่นคือสิ่งที่ผู้คนต้องการ

แม้ว่าเราจะอ่านบทวิจารณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริษัท เราก็ไม่สนใจบทวิจารณ์ทั่วๆ ไป แต่เราสนใจบทวิจารณ์เฉพาะที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่แท้จริงแก่เรา บทวิจารณ์ที่มาจากความเข้าใจของผู้อื่นเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ

ตัวอย่างเช่น

ถ้าเราจะสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีสอนลูกๆ ของคุณให้กิน เราอาจพูดถึงวิธีที่พวกเขาทำเลอะเทอะโดยเฉพาะตอนที่พวกเขายังเด็ก เรายังได้เรียนรู้เคล็ดลับในการปูผ้าปูโต๊ะพลาสติกไว้ใต้เก้าอี้เด็ก ซึ่งช่วยให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นมากหลังจากทำเสร็จแล้ว

แค่นึกถึงอะไรก็ตามที่เราเคยประสบมาซึ่งจะช่วยคนอื่นได้ รวมสิ่งนั้นไว้ในเนื้อหาของเราและทำให้ดีขึ้นมาก

การอัปเดตสิ่งนี้ส่งผลต่อ YMYL อย่างไร

หนึ่งในหมวดหมู่ที่ละเอียดอ่อนที่สุดเมื่อพูดถึงอัลกอริทึมของ Google คือ Your Money, Your Life Google ให้ความสำคัญกับการแสดงข้อมูลที่อาจทำร้ายผู้อื่นได้ เว้นแต่จะรู้ว่ามาจากแหล่งที่เชื่อถือได้

ตัวอย่างเช่น

ถ้าเราบอกวิธีรักษาโรคทางการแพทย์แก่ผู้คนหาบน Google จะไม่ชอบเพราะเราไม่ใช่แหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เราไม่ใช่หมอ เราไม่เคยประกอบวิชาชีพเวชกรรม และถ้าผู้ติดตามข้อมูลทางการแพทย์จากเรา มันอาจทำให้เราเจ็บปวดได้

นี่คือวิธีที่ Google มองประสบการณ์เมื่อพูดถึงหัวข้อ YMYL

อ่านเพิ่มเติมเรื่องอื่นๆได้ที่:

สรุป

Google ได้กล่าวว่าความไว้วางใจเป็นส่วนสำคัญที่สุดของอัลกอริทึม EEAT แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราควรเอาปัจจัยอื่นๆ มาพิจารณา โดยเฉพาะประสบการณ์

แค่คิดแบบนี้ เวลาเราอ่านอะไร เราไม่ชอบเวลาที่คนอื่นแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของพวกเขาหรือ? หวังว่าคนที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น

เป็นเนื้อหาประเภทนั้นที่โดดเด่นและเปล่งประกายเพราะประสบการณ์ทำให้เนื้อหามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างแท้จริง เป็นสิ่งที่ผู้เขียน AI ไม่สามารถทำได้ อย่างน้อยก็ในปัจจุบันตอนนี้

FAST TACKS บริการรับทำ SEO

อัปเดตอัลกอริทึม EEAT ใหม่ของ Google ปี 2023 Read More »

อัปเดตอัลกอริทึม EEAT ใหม่ของ Google ปี 2023

ปลั๊กอิน SEO ยอดนิยม สําหรับ wordpress

หากคุณกําลังมองหาปลั๊กอินในการช่วยทำ seo บนเว็บไซต์ wordpress วันนี้เราจะมาแนะนำ ปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ควรมีติดเว็บไซต์มาแนะนำกันนะครับ และบทความนี้จะช่วยให้เรารู้แนวทางและกรใช้งานของปลั๊กอิน ในการช่วยทำseo ว่าควรเลือกใช้งานปลั๊กอินใด?

ปลั๊กอิน SEO ที่เหมาะสมสามารถทําให้การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาง่ายขึ้น และช่วยให้เราประหยัดเวลาได้มากและเพิ่มยอดการเข้าชมเว็บไซต์ของเราได้มากมายอีกด้วย

ในบทคววมนี้ fast tacks จะแนะนำ 7ปลั๊กอิน SEO ยอดนิยม สําหรับ WordPress และให้คําแนะนํากับเพื่อนๆกันครับ

7 ปลั๊กอินในการทำ SEO สําหรับ wordpress

มาดูไปพร้อมๆกันได้เลย

1.yoast Seo

รูปที่มา: Yoast

ปลั๊กอินYoast SEO สําหรับ WordPress ปลั๊กอินยอดฮิตสำหรับชาว wordpress เป็นปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้เลยก็ว่าได้ครับ เว็บไซต์ WordPress ส่วนมากใหญ่เลือกใช้ Yoast ในการเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการทำ SEO และที่สำคัญคือ ใช้งานง่าย และฟรีอีกด้วย

Yoast SEO มีให้เลือกใช้ 2 เวอร์ชั่น คือ:

  • แบบ ฟรีที่มีคุณสมบัติ จํากัด บางฟังก์ชั่น
  • Yoast พรีเมี่ยมที่มีเครื่องมือและคุณสมบัติ SEO เพิ่มเติม ช่วยให้การทำงานง่ายขึ้น

แนะนำ: แต่สำหรับ ปลั๊กอิน Yoast SEO เวอร์ชั่น ฟรี นั้นก็เพียงพอสําหรับเว็บไซต์ธุรกิจขนาดเล็กแล้วครับ แต่หากต้องการเพิ่มฟังก์ชั่น เพิ่มเติมอื่นๆ อันนี้เราต้องอัพเดท เป็นเวอร์ชั่นเสียเงินนะครับ

ฟังก์ชั่นเด่นๆของปลั๊กอิน Yoast SEO WordPress คือ:

  • SEO Meta Box เราสามารถเพิ่มชื่อ meta คําอธิบายmeta หรือปรับแก้URL และใส่ keywords โฟกัสลงไปในหน้าเว็บได้ นี่เป็นหนึ่งในการใช้งานทั่วไปของปลั๊กอิน Yoast SEO ซึ่งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในหน้าสำหรับ การโฟกัส keywords หลักที่เราต้องการ
  • แผนผังไซต์XML ที่อนุญาตให้ผู้ใช้เพิ่มแผนผังไซต์ XML โดยอัตโนมัติ วิธีนี้ช่วยให้โปรแกรมรวบรวมข้อมูลของเครื่องมือค้นหาสามารถค้นหาหน้าเว็บต่างๆ ทั้งหมดบนเว็บไซต์ของได้อย่างง่ายดาย
  • Schema.org การผสานการทํางาน ซึ่งช่วยให้หน้าเว็บของเรานั้นมีสิทธิ์ได้รับผลการค้นหาที่เป็นการแสดงผลแบบพิเศษหรือสื่อสมบูรณ์ในหน้าผลลัพธ์ของเครื่องมือค้นหาบน google

ราคาสําหรับปลั๊กอิน Yoast SEO เริ่มต้นที่ $ 89 ต่อปี หากเพื่อนๆต้องการฟังก์ชั่นอื่นๆเพิ่มเติม ก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติมครับ

2.AIOSEO

รูปที่มา: AIOSEO

หากเราต้องการโซลูชันที่คุ้มค่าด้วยชุดคุณสมบัติเดียวกัน AIOSEO เป็นตัวเลือก เช่นเดียวกับ Yoast SEO มันมีคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้ เราสามารถใช้งานเพิ่มประสิทธิภาพบนเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และคล้ายกับ Yoast SEO มากๆ แต่ปลั๊กอิน AIOSEO มีสองแพ็คเกจ: มีทั้งแบบใช้งานได้ฟรีและ การใช้งานแบบมีค่าใช้จ่าย

แต่อย่างไรก็ตามครับ ราคานั้นจะไม่เหมือนกับ Yoast SEO เพราะตัวPro จะเริ่มต้นเพียง $ 49.50 ต่อปีซึ่งราคาถูกกว่าเกือบ 50% เลยก็ว่าได้ครับ เมื่อเทียบกับปลั๊กอิน Yoast SEO WordPress

คุณสมบัติเด่นบางประการของ AIOSEO มีดังต่อไปนี้:

  • การวิเคราะห์ ซึ่งคล้ายกับ ปลั๊กอิน Yoast SEO ซึ่งการทํางานจะช่วยให้เราสามารถเพิ่มชื่อMetaคําอธิบายMeta โฟกัส keywordsและ URL ลงในหน้าเว็บของเราได้อย่างง่ายดาย AIOSEO ยังวิเคราะห์เนื้อหาของหน้าเว็บและแนะนําเคล็ดลับที่นําไปใช้ได้จริงเกี่ยวกับวิธีปรับปรุงเพิ่มเติมและระบุโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพ keywords
  • แนะนำลิงก์ ซึ่งเป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยลดความยุ่งยากในการสร้างลิงก์ภายในเชิงกลยุทธ์ไปยังหน้าเว็บของเรา ซึ่งตรงนี้บอกได้เลยว่าทำได้ดีกว่าตัวปลั๊กอิน Yoast SEO มากๆครับ

  • แผนผังไซต์ XML ซึ่งปลั๊กอินนั้นจะช่วยสร้างแผนผังไซต์ XML สําหรับโปรแกรมรวบรวมข้อมูลการค้นหาของ Google ให้โดยอัตโนมัติ

  • Schema ซึ่งทําให้หน้าเว็บของคุณมีสิทธิ์ได้รับผลการค้นหาที่เป็นสื่อสมบูรณ์ แต่เฉพาะตัวเสียค่าใช้จ่ายเท่านั้นนะครับ ที่ทำได้

  • SEO local ซึ่งเหมาะสําหรับผู้ที่มีเว็บไซต์ธุรกิจในท้องถิ่นหรือหน้าร้าน AIOSEO ทำให้ง่ายต่อกาปรับปรุง SEO ในพื้นที่และจัดอันดับที่สูงขึ้นบน Google Maps สําหรับ keywords ที่สําคัญ
  • WooCommerce SEO หากเรามีร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่สร้างขึ้นบน WooCommerce AIOSEO เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำ seo บนหน้าผลิตภัณฑ์หมวดหมู่ผลิตภัณฑ์และอื่น ๆ บนร้านค้าออนไลน์WooCommerce

3.Rank Math

รูปที่มา: RankMath

หากเพื่อนๆ ท่านใดรู้ๆสึกอยากลองเปลี่ยน จาก Yoast หรือ AIOSEO ตัวเลือกที่สามคือ ปลั๊กอินRank Math เป็นปลั๊กอิน SEO ที่ค่อนข้างใหม่และราคาสําหรับ Rank Math เริ่มต้นที่ $ 59 ต่อปีสําหรับใบอนุญาตใช้งานได้เว็บไซต์เดียว

และเช่นเดียวกับ Yoast และ AIOSEO มันมีคุณสมบัติพื้นฐานในเวอร์ชั่นฟรี และเวอร์ชั่นเสียค่าใช้จ่าย นั้นจะมีคุณสมบัติ SEO ขั้นสูงเพิ่มเติม คุณสมบัติบางอย่างรวมถึง:

  • การผสานรวมกับคอนโซลการค้นหาของ Google
  • SEO Meta Box สําหรับการเพิ่มประสิทธิภาพชื่อMeta คําอธิบายMeta และคําหลักที่มุ่งเน้นในทุกโพสต์และหน้า
  • การวิเคราะห์เนื้อหาเพื่อระบุโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพ keywords และแก้ไขข้อผิดพลาด SEO พื้นฐาน
  • เปิด meta data กราฟเพื่อแสดงภาพขนาดย่อของ Facebook และการ์ด Twitter เมื่อเนื้อหาของคุณถูกแชร์บนเว็บไซต์โซเชียลมีเดีย

คุณสมบัติทั้งหมดนี้มีอยู่ในปลั๊กอิน AIOSEO และปลั๊กอิน Yoast SEO

Canva-pro-ตลอดชีพราคา

4.W3 Total Cache

รูปที่มา: W3 total Cache

นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO บนเว็บไซต์แล้ว ทางเราแนะนำว่า ยังต้องติดตั้งปลั๊กอิน WordPress SEO ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของเรา

ความเร็วของเว็บไซต์และประสบการณ์ของผู้ใช้งานนั้นเป็นปัจจัยการจัดอันดับของ google ที่สําคัญในขณะนี้และนั่นคือที่มาของ ปลั๊กอินที่เราจะมาแนะนำ คือ W3 Total Cache

ทํางานโดยใช้การผสานรวม CDN และการแคชหน้าและเบราว์เซอร์เพื่อเพิ่มความเร็วเว็บไซต์ของเรา นอกจากนี้ W3 Total Cache ยังมีคุณสมบัติหลายอย่างที่สามารถช่วยให้เราสามารถปรับปรุงความปลอดภัยของเว็บไซต์ของเราได้อีกด้วย

แม้ว่าจะมีเวอร์ชันฟรี ให้เราได้ใช้งาน แต่บอกเลยว่าเวอร์ชั่นเสียค่าใช้จ่ายนั้น ราคาแอบแรงมาก มาพร้อมกับฟังก์ชั่นคุณสมบัติแคชขั้นสูง ราคา $ 99 ต่อปี

5.WP Rocket

รูปที่มา: WP Rocket

WP Rocket เป็นอีกหนึ่งปลั๊กอิน ที่บอกได้เลยว่ายอดฮิตและจำเป็นต้องมีสำหรับ ปลั๊กอินสายแคช หนึ่งในเหตุผลที่เราในฐานะที่เป็นเจ้าของเว็บไซต์ ชอบ WP Rocket มากกว่า W3 Total Cache คือ WP Rocket มีคุณสมบัติที่คล้ายกันมาก และที่สำคัญราคาไม่แพงด้วยครับ คุ้มค่ามากๆ ซึ่งแตกต่างจากราคาของ W3 Total Cache ซึ่งราคาของปลั๊กอิน WP Rocket เริ่มต้นเพียง $ 49 ต่อปีสําหรับ การใช้งาน1เว็บไซต์

ในแง่ของคุณสมบัติ WP Rocket มีคุณสมบัติที่คล้ายกันรวมถึงการแคชหน้าและเบราว์เซอร์การบีบอัด GZIP การเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากรเซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น

อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ SEO เพิ่มเติมได้ที่:

6.MonsterInsights

รูปที่มา:MonsterInsights

MonsterInsights ไม่ใช่ปลั๊กอิน SEO WordPress ในทางเทคนิค แต่สิ่งสําคัญคือต้องติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress ของเราครับ เพราะปลั๊กอินตัวนี้ ไม่เหมือนกับเครื่องมืออื่น ๆ ที่เรากล่าวถึงในบทความนี้ MonsterInsights เป็นเครื่องมือ Google Analytics ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่สําคัญและข้อมูลในลักษณะที่เข้าใจง่ายในแดชบอร์ด WordPress ของเรา

การใช้ข้อมูลและข้อมูลที่ MonsterInsight แบ่งปัน SEO และ content marketing สามารถระบุหน้าเว็บที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดและแย่ที่สุด สำหรับ keywords ที่ดึงดูดการเข้าชมมากที่สุดและรูปแบบอื่น ๆ ที่สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาและกลยุทธ์ในการทำ SEO

นอกจากนี้ MonsterInsights ยังสามารถเปิดใช้งานGoogle เพิ่มประสิทธิภาพสําหรับการทดสอบ A / B ได้อีกด้วย
MonsterInsights มีให้ใช้งานทั้งเวอร์ชั่นฟรี และเสียค่าใช้จ่าย ราคาเริ่มต้นที่ $ 99.50 ต่อปี หากเว็บไซต์ของเรามีการเข้าชมจํานวนมากและเราต้องพึ่งพาข้อมูล Google Analytics เพื่อทําการตัดสินใจทางธุรกิจและเชิงกลยุทธ์ MonsterInsights ตอบโจทย์มากๆครับ อันนี้ไม่ควรพลาด

7.Schema Pro

หากเราไม่ได้ใช้ปลั๊กอิน เช่น AIOSEO ที่เพิ่มมาร์กอัปสคีมาให้กับเว็บไซต์ของเรา ดังนั้นเราจะต้องมีปลั๊กอินเฉพาะเพื่อสร้าง Schema นั่นเองครับ


ในกรณีนี้ Schema Pro น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดครับจากที่ทางเราได้ใช้งานมาครับ

เพราจะช่วยให้เราสามารถเลือกจากประเภทมาร์กอัปสคีมาของแต่ละโพสต์หรือหน้าที่ เรามีในเว็บไซต์ของเรา สุดท้ายนี้ยังช่วยให้สามารถทดสอบสคีมาแบบสดๆในการแสดงผลให้เราได้เห็นกันได้เลย ทําให้กระบวนการแสดงตัวอย่างทั้งหมดง่ายมากและใช้งานง่าย

Schema Pro ราคาเริ่มต้นที่ $ 79 ต่อปีและเราสามารถใช้ใบอนุญาตเดียวบนเว็บไซต์ได้ไม่จํากัดจํานวน แต่ราคาแรงเอาเรื่อง
สําหรับ $ 49 ต่อปี เราจะสามารถรับปลั๊กอิน SEO เช่น AIOSEO ที่มีตัวเลือกมาร์กอัปสคีมารวมถึงคุณสมบัติการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกค้นหาในหน้าและนอกหน้าอื่น ๆ อีกมากมาย

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับ ปลั๊กอินในการทำ seo wordpress จากที่ทางเราได้แนะนำให้เพื่อนๆถึง7 ตัว ทาง fast tacks แนะนําเพื่อนๆ เลือกใช้ตามความเหมาะสมของแต่ละคนได้เลย แต่ที่สำคัญที่สุด ปลั๊กอิน WP Rocket นั้นควรจะมีไว้มากๆครับ

เพราะจำเป็นอย่างมากในเรื่องของความเร็วภายในเว็บไซต์ เลือกตามความเหมาะสมของราคาและความสามารถของการใช้งานครับแต่หากเราต้องการข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ แนะนำให้ใช้ Google Analytics เป็นอย่างมาก เพราะสามารถเพิ่ม MonsterInsights ลงในส่วนผสมได้

ก่อนที่เราจะออกเดินทางอย่าลืมตรวจสอบกล่องเครื่องมือ SEO ของ เราเองซึ่งเรามีเครื่องมือ SEO ที่มีประโยชน์มากมายที่ช่วยให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเราและยกระดับไปอีกขั้น
หากเพื่อนๆมีคําถามใด ๆ โปรดติดต่อเราได้เลย

Fast tacks บริการรับทำ seo wordpress

ปลั๊กอิน SEO ยอดนิยม สําหรับ wordpress Read More »

ปลั๊กอิน seo

เครื่องมือทำ SEO ตัวไหนดี มาดูกันได้เลย

สำหรับคนทำเว็บไซต์แล้ว ต้องบอกเลยครับ ว่าปัญหาหลักๆคือ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเว็บของเราติดอันดับไหน มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บเท่าไหร่ แล้วต้องแก้ไข อะไรตรงไหนบ้าง และวันนี้ครับ เราเลยจึงได้ทำบทความเกี่ยวกับ เครื่องมือทำ seo ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์เชิงธุรกิจ องค์กร หรือเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการโปรโมตสินค้าก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำคอนเท้นท์ก็คือ เรื่องของการทำ SEO หรือชื่อเต็มว่า “Search Engine Optimization” โดย เครื่องมือ SEO นั้นมีความสำคัญตรงที่ว่า

มันคือสิ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถที่จะที่ติดหน้าแรกของการค้นหาบนเครื่องมือ Search Engine อย่าง Google นั่นเอง
แต่แน่นอนว่า ผู้ที่ทำเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า หรือบริการในแบบเดียวกันกับเรา ย่อมต้องมีเช่นเดียวกัน

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ใครทำ SEO ได้ดีกว่ากัน โอกาสที่จะติดหน้าแรกและถูกค้นเจอก่อนก็มีมากกว่านั่นเอง ซึ่งหากเราจะเริ่มต้นปรับเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ Google แล้วละก็เราจะต้องรู้ก่อนด้วยว่าการทำ SEO และ SEM นั้นแตกต่างกัน เราจึงมีเครื่องมือที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์และช่วยทำโดยเฉพาะของแต่ละประเภท

9 เครื่องมือ SEO ตัวไหนดี

  1. Google Search Console
  2. Google Analytics
  3. Yoasts SEO
  4. Ahrefs
  5. SEMRush
  6. Accuranker
  7. Ubersuggest
  8. Moz SEO
  9. Google Keyword Planner

วันนี้ fast tacks จะมาแนะนำกันทั้งหมด 9 เครื่องมือทำ seo ด้วยกัน โดยมีตั้งแต่ตัวที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นไปจนถึงตัวที่เหมาะกับเอเจนซี่รับทำ SEO ระดับมืออาชีพ มาดูกันได้เลย

รวมเครื่องมือทำ seo ที่ใช้ในการวิเคราะห์

มาดูกันเลยว่ามี ตัวไหน แล้วทำอะไรกันได้บ้าง

รูปที่มา: Google Search Console

1.Google Search Console

เครื่องมือการทำ SEO ที่ดีที่สุดสำหรับทุกเว็บไซต์จากค่าย Google ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย Google Search Console คือเครื่องมือที่สามารถเก็บข้อมูลของการเข้าเว็บไซต์ได้โดยโชว์ข้อมูลออกมาเป็น Impressions, Clicks, Average Position และ Click-through rate ซึ่งแต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันในแง่ของ Traffic

ประโยชน์ของ Google Search Console คือ สามารถแนะนำเราได้ว่าเว็บไซต์ควรปรับปรุงอะไรบ้างทั้งเรื่องของ Pagespeed และปัญหา User Interface ที่จะช่วยให้การใช้งานเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพทีทดีขึ้น ส่งผลให้มีการติดอันดับบน Google ที่ดีขึ้นอีกด้วย

ส่วนข้อดีอีกอย่าง Google Search Console นั้นยังสามารถใช้ตรวจสอบลิงค์ที่มีการส่งเข้ามาจากเว็บไซต์อื่นๆ ได้อีกด้วย เพื่อทำให้เรามั่นใจว่า Backlink ที่สร้างขึ้นมานั้นทำงานได้ปกติหรือไม่ และยังสามารถใช้เป็นตัวกลางในการส่ง Sitemap ไปหา Google ไปอีกด้วยเพื่ออัพเดทว่าเรามีหน้าใหม่เกิดขึ้นแบบเว็บไซต์ กระตุ้นให้ Google เข้ามาอ่านหน้านั้นๆ ของเราตลอดเวลา อันนี้ทาง fast tacks แนะนำเลยว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่เพื่อนๆคนทำ seo ต้องใช้งานเลยครับ

รูปที่มา: Google Analytics

2.Google Analytics

Google Analytics คือเครื่องมือจาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรีเพื่อเก็บข้อมูล user และพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของเรา สามารถจำแนกได้ว่าทราฟฟิคที่มาจากแต่ละช่องทางนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน แบ่งออกมาว่าช่องทางไหนที่เราได้คนเข้าชมเว็บไซต์มากที่สุด เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ สำหรับการทำ Online Marketing สำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท


ในแง่ของการทำ SEO นั้น Google Analytics สามารถเชื่อมต่อกับ Google Search Console ได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อส่งต่อข้อมูลเข้ามาโชว์เป็น dashboard สำหรับนักการตลาด หากเว็บไซต์ไหนที่มีการทำ SEO นั้นนับว่าเป็นตัวที่สำคัญมากๆ ที่จะต้องมี

รูปที่มา: Yoast Seo

3.Yoasts SEO

เครื่องมือ SEO ตัวแรกที่อยากแนะนำมากที่สุดก็คือ Plug-in ตัวหนึ่งของ WordPress ที่ชื่อ Yoast SEO ต้องขอบอกก่อนว่าตัวนี้มีเฉพาะผู้ที่สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาด้วย WordPress เท่านั้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของเครื่อมือตัวนี้ก็คือ ช่วยให้เราสามารถทราบได้ทันทีว่า คีย์เวิร์ดที่เราใช้ในบทความมีจำนวนที่มากไป หรือน้อยไปหรือไม่ รวมทั้งยังช่วยแนะนำด้วยว่า จำนวนคำที่เราเขียนลงไป มีความยาวเพียงพอต่อการทำ SEO หรือยัง เหมือนเป็นปราการด่านแรกของการทำ SEO นั่นก็คือหลักการเขียนคอนเทนท์นั่นเอง


ที่สำคัญที่สุดก็คือปลั๊กอินตัวนี้จะบอกได้แบบเรียลไทม์เลยว่า บทความที่เขียนไปนั้นตรงตามหลักการทำ SEO แล้วหรือยัง ซึ่งคุณสามารถปรับแก้ได้ตามคำแนะนำ และถ้าเครื่องมือตัวนี้ปรากฏเป็นสัญลักษณ์สีเขียวแล้ว นั่นหมายความว่า บทความที่คุณนำเสนอลงไป ถูกต้องตามหลักของ SEO ที่ Google ยอมรับนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เชิงลึกที่เอาไว้ปรับแต่งด้านเทคนิคของเว็บไซต์ที่มีผลต่อ Search Engine เช่นการตั้งค่าว่าจะให้ Google อ่านหน้าไหนบ้าง หรือเห็นหน้าไหนบ้าง จุดนี้ค่อนข้างสำคัญและอาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดด้านโค้ดดิ้งเนื่องจากว่าการปรับแต่งพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะต้องรู้พื้นฐานของด้านโปรแกรมมิ่ง

แต่ด้วย Yoast SEO นั้นออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ เราจึงสามารถปรับการตั้งค่าเหล่านั้นได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก นับเป็น Plug-in ที่สำคัญมากๆ สำหรับทุกเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress เลย

เครื่องมือ Yoasts SEO นั้นถึงจะเป็นเครืองมือใช้งานที่ฟรี แต่ก็จะมี Yoasts Premium มีราคาที่ปีละ 89 ดอลล่าห์ หรือประมาณ 2,800 บาทเท่านั้น

รูปที่มา: Ahrefs

4.เครื่องมือ Ahrefs

สำหรับเครื่องมือนี้ จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์เกี่ยวกับการทำ SEO ทั้งฝั่ง Onsite และ Offsite Backlink อย่างครอบคลุมและใช้งานง่าย อีกทั้งฟีเจอร์สำคัญมากๆ คือการวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งเพื่อดูว่าเว็บของเรานั้นมีโอกาสในการติดอันดับคำว่าอะไรบ้าง และคำว่าอะไรบ้างที่เว็บไซต์คู่แข่งของเราได้ยอดผู้เข้าเว็บไป จากคำว่าอะไรบ้าง นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์เด็ดในการวิเคราะห์ Backlink ของเราและคู่แข่งอีกด้วย ฟีเจอร์นี้สามารถเช็คได้แม้กระทั่งว่าเว็บไซต์คู่แข่งนั้นทำ Link Building ด้วยคีย์เวิร์ดคำว่าอะไรบ้างและใช้เว็บไซต์อะไรบ้างในการทำ Backlink กลับมา

ซึ่งหลังจากที่เช็คแล้ว เครื่องมือ Ahrefs ก็ยังรายงานผลสรุปให้อีกด้วยว่า Domain Rating หรือค่า DR ของคุณเป็นอย่างไร จำนวน Backlink ที่มีทั้งหมด หรือแม้แต่หน้าเว็บของคุณ ที่มีการใส่ลิงก์กลับมามากที่สุด เป็นต้น ค่า Domain Rating ของ Ahrefs คือหน่วยที่ใช้ประเมินว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมีคุณภาพด้าน SEO มากน้อยแค่ไหน โดยมีคะแนนเต็ม 100

นอกจากนี้สิ่งสำคัญเลยคือเครื่องมือนี้ก็ยังช่วยในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้กับคุณได้อีกด้วย ว่ามีคีย์เวิร์ดไหนที่ใกล้เคียงกับคำคีย์เวิร์ดที่ระบุลงไปบ้าง คล้ายๆ กับการใช้ Keyword Planner ของ Google เพียงแต่ว่าเป็นการเจาะจงการหาคีย์เวิร์ดเพื่อการทำ SEO โดยเฉพาะ

เครื่องมือทำ seo Ahrefs นั้นจะมีหลากหลายราคา ตั้งแต่ตัวเริ่มต้น Lite อยู่ที่เดือนละ 99 ดอลล่าห์ (3,000 บาท) ส่วนแพ็คเกจ Standard จะอยู่ที่เดือนละ 179 ดอลล่าห์ (5,400 บาท) ตัวระดับโปรหรือ Advanced จะอยู่ที่เดือนละ 399 ดอลล่าห์ (12,000 บาท) นอกจากนี้จะมีแพ็คเกจสำหรับระดับ Agency ด้วยซึ่งราคาค่อนข้างสูงหลายหมื่นบาทต่อเดือน

รูปที่มา: Semrush

5.เครื่องมือ SEMRush

สุดยอดเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ด้านการตลาดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ สำหรับเจ้าเครื่องมือตัวนี้ต้องบอกเลยว่า ใครที่อยากได้ข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์เกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ ต้องมีติดเครื่องเอาไว้เลย ซึ่งการใช้งานโดยรวมของเครื่องมือตัวนี้ก็คือ ช่วยในการเวิเคราะห์ข้อมูลของเว็บไซต์ในแบบเชิงลึกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนครั้งที่เกิดการ Error ขึ้นในเว็บไซต์ จำนวน Backlink ทั้งหมด คีย์เวิร์ดที่ใกล้เคียง หรือแมตช์กับคีย์เวิร์ดบนเว็บไซต์ของคุณ

และที่สำคัญก็คือเรายังใช้ในการค้นหาเพื่อดูว่า คู่แข่งของคุณคือใครบ้าง และระดับของการแข่งขันเป็นอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ทิศทางในการทำคอนเท้นท์ต่อๆ ไปได้ง่ายขึ้นว่า ควรเริ่มจากการใช้คีย์เวิร์ดแบบไหน และสร้างทที่ดีขึ้นให้กับเว็บไซต์ได้อย่างไร

รูปที่มา: Accuranker

6.เครื่องมือ Accuranker

อีกหนึ่งเครื่องมือที่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่สนใจในการทำ SEO ระดับมืออาชีพมากขึ้น เพราะเครื่องมือนี้จะช่วยในการ วิเคราะห์คีย์เวิร์ดได้อย่างรวดเร็ว และค่อนข้างละเอียด ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ต้องเสียเงินในการใช้งานก็ตาม แต่ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ โดยสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของ เครื่องมือ Accuranker ก็คือการค้นหา คีย์เวิร์ด ที่ช่วยจัดอันดับให้เห็นชัดเจนว่าคำค้นหาของเว็บไหนอยู่ในอันดับที่ดีกว่ากัน เพื่อที่คุณจะสามารถนำมาปรับปรุง SEO ให้กับเว็บไซต์ของตัวเองได้

รูปที่มา: Ubersuggest

7.เครื่องมือ Ubersuggest

เครื่องมือที่ผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญในวงการ Digital Marketing อย่าง Neil Patel โดยเครื่องมือตัวนี้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน ซึ่งข้อดีอย่างแรกของ เครื่องมือ Ubersuggest ก็คือช่วยในการใช้วิเคราะห์คีย์เวิร์ด เพราะมันจะบอกได้ทันทีเลยว่า คีย์เวิร์ดที่คุณกำลังต้องการนำมาใช้บนเว็บไซต์ของคุณนั้นมีจำนวนบ่อยครั้งแค่ไหนในการค้นหาแต่ละเดือน รวมทั้งยังบอกได้ด้วยว่า ระดับความยากในการใช้คีย์เวิร์ดนั้นมีมากน้อยแค่ไหน

แต่ส่วนที่อยากแนะนำให้ลองใช้ก็คือในส่วนของ Keyword Ideas ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยแนะนำให้กับคุณได้ว่า คีย์เวิร์ดที่คุณควรนำไปใช้คือคีย์เวิร์ดแบบไหน ซึ่งจะเป็นคำที่มีคู่แข่งไม่มาก และมีโอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์มี SEO ที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ก็ยังมีการแนะนำไอเดียในการสร้างคอนเท้นท์ให้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือเครื่องมือที่ใช้สำหรับการทำ SEO ที่เรานำมาแนะนำกัน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก่าในวงการ ก็สามารถที่จะลองนำไปใช้เพื่อสร้างอันดับที่ให้กับเว็บไซต์ได้เช่นเดียวกัน

อ่านเพิ่มเติมแบบเต็มเกี่ยวกับ Ubersuggest ที่นี่

อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO ได้ที่

รูปที่มา: MOZ

8.เครื่องมือ Moz SEO

เครื่องมือ Moz SEO นั้นมีความแม่นยำในการวิเคราะห์เว็บไซต์ในเรื่องการทำ SEO หลายๆ มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์ Backlink และคุณภาพของลิงค์ต่างๆ ที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของเรา

รูปที่มา: Google Keyword Planner

9.Google Keyword Planner

เครื่องมือฟรีที่ดีมากจาก Google นั้นค่อนข้างมีความแม่นยำสูงมากสำหรับเรื่องของการทำ Keyword Research โดยปกติแล้วจะเป็นเครื่องมือวางแผนการทำ Paid Search Plan แต่นักการตลาดไม่น้อยที่ทำมาวิเคราะห์หาคำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับ SEO ด้วย เนื่องจากมี Search Volume ที่แม่นยำ พร้อมกับเทรนด์การค้นหาย้อนหลังได้ อีกทั้งยังแนะนำระดับความแข่งขันอีกซึ่งอ้างอิงจากแคมเปญยิงโฆษณาบน Google

สรุป

เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการทำ seo ที่ทาง fast tacks แนะนำ ต้องบอกก่อนเลยครับว่าหลายๆเครื่องมือนั้นจำเป็นที่จะต้องชำระค่าบริการรายเดือนเพื่อเข้าถึงคุณสมบัติบางอย่าง ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่องมือ ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆท่านใดไม่ได้เป็นผู้ที่รับจ้างทำ SEO ก็อาจจะไม่คุ้มค่าเท่ากับการจ้างบริการทำ SEO จากผู้เชี่ยวชาญนะครับ

Fast tacks รับทำ seo

เครื่องมือทำ SEO ตัวไหนดี มาดูกันได้เลย Read More »

เครื่องมือทำ seo

วิธีทำ TikTok Seo เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม จากการค้นหา

ปัจจุบันลูกค้าหรือผู้ใช้ส่วนมากนิยมค้นหา สินค้าหรือความต้องการที่อยากรู้ ผ่านช่องทางออนไลน์ ดังนั้นวันนี้เราจึง มาแนะนำ วิธีทำ Tiktok Seo ที่เราจำเป็นต้องทำให้ เพื่อให้ผู้คนจำนวนมากที่กำลังค้นหาเรา นั้นเจอเราได้ง่ายยิ่งขึ้น

ทำไมต้อง Tiktok SEO ?

TikTok สามารถทำอะไรเพื่อธุรกิจของเราได้เยอะมากในปัจจุบัน ในบรรดาแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั้งหมด นอกจากนี้ยังทำให้แบรนด์เป็นช่องทางในการโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการต่างๆ รวมไปถึงการแสดงออกการสร้างสรรค์เนื้อหา ที่มากมาย

บางคนโพสต์เนื้อหาบน Tiktok และหลายคนมักคาดหวังว่าจะได้ผลลัพธ์ในทันที เพราะเรากำลังต้องการผู้ติดตาม แต่ประโยชน์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของ TikTok คือ วิธีที่เราใช้ แฮชแท็ก เพื่อช่วยให้มีผู้ติดตามหลายแสนคน ค้นหาเราผ่านกระบวนการของ SEO เพื่อให้เราสามารถเชื่อมโยงกับผู้คนจำนวนมากขึ้นที่ต้องการดูเนื้อหาของเราได้

รูปที่มา: Backlinko

จากสถิติ

Backlinko เผยแพร่รายงานสถิติผู้ใช้ ในปี 2020 ผู้ใช้ TikTok 47.7% ในสหรัฐอเมริกามีอายุ 10-29 ปี ในขณะเดียวกัน 31.3% ของผู้ใช้ Tiktok มีอายุ 40 ปีขึ้นไป

ในเดือน มกราคม ปี2020 บัญชีผู้ใช้ TikTok ส่วนใหญ่สามารถค้นหาผ่านทาง Google ได้แล้วผู้สร้างเนื้อหาหรือผู้ใช้ TikTok นั้นสามารถ ปรากฏบนเครื่องมือค้นหาได้ จากการทำ Seo และการจัดทำดัชนีและbacklink ของเว็บไซต์ทำให้เราสามารถมองเห็นได้บน Google

จากข้อมูลของ Search Engine Journal ปัจจุบัน Google นั้นกำลังจัดทำดัชนีเนื้อหาของวิดีโอ TikTok ด้วย วิธีนี้ เพื่อทำให้ผู้ใช้

สามารถค้นหาวิดีโอ TikTok ได้อย่างง่ายดาย และนี่เป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าสนใจมากๆ ในเดือนมิถุนายน 2020 TikTok ได้เปิดตัว

แพลตฟอร์ม TikTok for Business ที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดสามารสร้างโฆษณาที่มีส่วนร่วมสำหรับกลุ่มเป้าหมายได้อีกด้วย

รูปที่มา: TikTok

คุณพร้อมที่จะเพิ่มการค้นหาของคุณบน Tiktok ของคุณแล้วหรือยัง?

หากคุณสนใจแนวทางการทำ TikTok อย่างไรให้ประสบความสำเร็จ ผมแนะนำให้คุณอ่านบทความ เหล่านี้ก่อนครับ

ดังนั้น หากคุณมีเว็บไซต์ผมแนะนำให้คุณควรปรับปรุงให้มีการทำSEO เพื่อการเครื่องมือการค้นหา และในอนาคต Tiktok ของคุณนั้นจะนำหน้าคู่แข่งของคุณอย่างง่ายดาย

5 วิธีทำ TikTok SEO เพิ่มผู้ติดตาม จากการค้นหา

เตรียมตัวให้พร้อม แล้วมาลุยกันเลย

รูปที่มา: Tiktok

1.สร้างแฮชแท็กเพื่อการค้นหา

Google จัดทำดัชนีวิดีโอเนื้อหาของผู้ใช้ TikTok แล้ว ดังนั้นเราก็ควรที่จะใช้แฮชแท็กเป็น Keyword หลักในการค้นหาของเราครับ เราทุกคนรู้ดีว่า Keyword สำคัญมากแค่ไหน เมื่อพูดถึงการทำSEO ดังนั้นหากเราใช้ Keyword ที่เกี่ยวข้องก็จะสามารถช่วยทำให้ค้นหาเราได้ง่ายขึ้น

เพื่อเพิ่มการมองเห็นของเราบน TikTok ควรใช้แฮชแท็กยอดนิยมที่เหมาะกับสินค้าหรือบริการของเราครับ และแฮชแท็กที่มีความเฉพาะเจาะจงเพื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ชมของ การทดลองเป็นสิ่งสำคัญมากๆครับ หากเราต้องการเพิ่มผู้ติดตามบน TikTok

ดังนั้นเราจึงต้องทดสอบแฮชแท็กของเราจนกว่าเราจะได้แฮชแท็กที่เหมาะกับแบรนด์และสินค้ารวมถึงบริการของเรา

ทริคดีๆ:

นอกจากนี้ การใช้ long tail keyword เป็นแฮชแท็กยังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เนื้อหาวิดีโอของเรา มีประสิทธิภาพสำหรับการทำ TikTok SEO ของเราอีกด้วยครับ

Canva-pro-ตลอดชีพราคา-4

วิธีทำ tiktok seo
รูปที่มา: Tiktok

2.เพิ่มประสิทธิภาพและสร้างเนื้อหาวิดีโอที่มีส่วนร่วม

สร้างสรรค์กับเนื้อหาของเราให้มีคุณภาพสูง แต่ต้องแน่ใจว่าเนื้อหานั้นได้มีการปรับให้เหมาะสมสำหรับเครื่องมือค้นหาด้วย

ดังนั้น เนื้อหาวิดีโอของเราควรมีความยาวเพียง 60 วินาที เท่านั้น

สิ่งต่อมาคือ เราควรตรวจเช็ค ชื่อและคำอธิบายของวิดีโอ เราสามารถใช้ long tail keyword ในคำอธิบายเพื่อให้เป็นข้อมูลได้ และเพิ่มประสิทธิภาพเนื้อหาวิดีโอของคุณ

วิดีโอ TikTok ส่วนมากมักจะเป็น การเปิดวีดีโอด้วยคำถาม เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วมกับเนื้อหาของคุณ 

ผู้ใช้ TikTok ส่วนใหญ่มองหาความบันเทิง หากเราต้องการทำให้ธุรกิจของเรานั้นมีความสัมพันธ์กันบนแพลตฟอร์มโดยเข้าถึงเทรนด์ 

ควรใช้แฮชแท็กยอดนิยมหรือเพลงประกอบที่ได้รับความนิยมสำหรับเนื้อหาในวิดีโอของคุณ อันนี้แนะนำเลยครับ ว่าช่วยให้คนมีส่วนร่วมได้สูงขึ้นจริงๆ

วิธีทำ TikTok Seo

3.พาผู้ชม TikTok ของเราไปยังเว็บไซต์

มันจะเสียเปล่าถ้าเราได้สร้างเนื้อหาที่ดีบน TikTok แต่ไม่พาผู้เข้าชมไปยังเว็บไซต์ของเรา บัญชีผู้ใช้ TikTok ของเราไม่ได้มีเพียงแค่ให้ใส่ข้อมูลการแนะนำสั้นๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจของคุณ แต่เราควรทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏแก่ผู้ชมของเราด้วย ดังนั้นอย่าลืมใส่เว็บไซต์ของเราไว้ในโปรไฟล์ของเราด้วย

แนะนำ:

เว็บไซต์จะช่วยให้ ธุรกิจของเราสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า

4.โปรโมตเนื้อหาวิดีโอของเราบนช่องทางอื่นๆ

กุญแจสำคัญคือ การโปรโมตเนื้อหาวิดีโอของเราในการทำ TikTok SEO อย่าเสียจำนวนผู้ติดตามอีกมากมายในช่องทางอื่นๆ หากเราสามารถสร้างการติดตามบน Facebook หรือ IG ก็ให้เราโพสต์หรือแชร์เนื้อหา TikTok ของเราไปที่นั่นด้วย

เพื่อที่จะเชิญผู้ติดตามของเราดูวิดีโอ TikTok และกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม หรือหากเราต้องการเพิ่มปริมาณการเข้าชมและสร้างผู้ติดตามบน TikTok โดยการโปรโมตข้ามช่องเป็นวิธีที่จะไปนั้น เราควรใช้การวิเคราะห์การค้นหา SEO ของ TikTok เพื่อทำความเข้าใจผู้ชมของเรา

เช่นเดียวกับ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นๆ การวิเคราะห์นั้นทำหน้าที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้ชมของเราและพฤติกรรมของผู้ชม และยังช่วยให้เราสามารถเข้าใจได้ว่าเนื้อหาแบบไหนที่ผู้ชมของเราชื่นชอบมากที่สุดและ เราจะได้นำไปพัฒนาเนื้อหาให้ตอบโจทย์ผู้ชมมากยิ่งขึ้น

วิธีทำ TikTok Seo

5.การกระตุ้นให้เกิดการกลับเข้ามาอีกครั้ง

พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปเมื่อธุรกิจที่มีหน้าร้านจริง หรือร้านค้าบนออนไลน์มากขึ้นเพื่อที่เราจะอยู่เหนือเกม เราต้องเพิ่มการมองเห็นในช่องทางออนไลน์ของเรา ดังนั้นเราจะต้องมีเว็บไซต์ที่ได้รับการเพื่อรองรับเครื่องมือค้นหาของ Google ในการค้นหาแบบ Seo


แต่สุดท้าย SEO ไม่ใช่วิธีแก้ไขด่วนสำหรับธุรกิจของเรา แต่ กลยุทธ์ SEO ที่มีประสิทธิภาพ ต้องใช้การทดสอบ A/B และการลองผิดลองถูกหลายครั้ง เราอาจจะต้องใช้เวลา แต่ผมรับรองว่าเราจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากกลยุทธ์ SEO ของคุณในอนาคต บนTiktok อย่างแน่นอนครับ

สรุป

Tiktok ปัจจุบันนั้นถือว่ากำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และในอนาคตคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้งานสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การทำ tiktok seo เพื่อตอบโจทย์ในการค้นหาของผู้ชมนั้นก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากเช่นกันครับ หากคุณมีตัวตน บน tiktok แต่ผู้ค้นหาไม่สามารถเจอคุณได้ ก็ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นคุณลองนำวิธีเหล่านี้ไปปรับใช้ในช่อง Tiktok ของคุณดูนะครับ และผมเองก็เชื่อว่า การทำ Seo tiktok จะได้รับความนิยมมากๆ ในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

วิธีทำ TikTok Seo เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม จากการค้นหา Read More »

วิธีทำ TikTok Seo

เทคนิคการทำ SEO ปี2022 ที่จะช่วยให้เว็บคุณติดอันดับง่ายๆ

ทำ SEO ปี 2022 ที่จะช่วยให้เว็บคุณติดอันดับ

 

เทคนิคการทำ SEO 2022 ที่จะช่วยทำให้อันดับคีย์เวิร์ดของเรา ติดหน้าแรก

 

 1.เขียน Content โดยพิจารณาถึง “Search Intent”

 

เคล็ดลับ ในขั้นแรก ที่ไม่สมควรพลาดโดยเด็ดขาด คือ การวิเคราะห์เจตนาสำหรับในการค้นหาของคีย์เวิร์ดที่พวกเราอยากทำก่อน ที่จะเริ่มเขียนเนื้อหาของบทความครับผม 

 

ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจมองว่าแนวทางนี้ เป็นเคล็ดวิธีที่มิได้พราวแพรวอะไร ใครๆก็ทำเป็นใช่ไหมละครับ แต่ว่าทราบไหม Google เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยม

 

ของผู้ค้นหา แม้Google ไม่สามารถที่จะให้คำตอบที่ยอดเยี่ยมได้ คนก็จะไม่เลิกใช้Google ด้วยเหตุนั้นวิธีการทำความรู้ความเข้าใจ ถึงเจตนาสำหรับการค้นหา

 

ของผู้ค้นก็เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดพูดได้ว่าเป็น หนึ่งในวินิจฉัยว่าเว็บของคุณจะไปอยู่บนลำดับที่หนึ่งของGoogleได้รึเปล่า

 
 

2.เขียน title tags รวมทั้ง meta descriptions ให้น่าดึงดูด

 

หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่อง title tag ซึ่งเป็นส่วนที่ ส่งผลกับอันดับของคอนเทนต์ โดยตรง แน่นอน! (สำคัญ มากนะครับในส่วนนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด)

 

⚈ Title tags

Google จะใช้ title tagsเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง คอนเทนต์ กับ คีย์เวิร์ด ที่ผู้ค้นหาใช้ค้นหาบนGoogle ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันไหม 

 

อย่างเช่น เมื่อผู้ใช้งานค้นหาคำว่า “สินค้าขายดี” Googleจะค้นหาดัชนีในฐานข้อมูลว่ามีหน้าเพจไหนบ้างที่มีคำว่า “สินค้าขายดี”

 

ถ้าเกิดคอนเทนต์ที่เราเขียน ไม่มีคีย์เวิร์ดที่เป็นหัวข้อนั้นหรือไม่มีเกี่ยวเนื่องกับอะไรกับเนื้อหาก็เช่นเดียวกับการโดนตัดแต้มสำคัญไป จังหวะที่จะติดอยู่ในต้นๆก็จะยากขึ้น

 


โดยวิธีการเขียน title ที่เราจะเอามามอบให้ มีตัวอย่างดังนี้ครับเพิ่มคีย์เวิร์ดที่อยากทำอันดับเอาไว้ภายใน title 

ตัวอย่างเช่น อยากได้ทำอันดับคำว่า “สินค้าขายดี” ให้เขียนรูปแบบนี้ “รวมสินค้าขายดี หมวดแฟชั่น ในปี2022”

 

⚈ Meta Descriptions

Meta Descriptions เคยเป็นหนึ่งในสาเหตุในการจัดลำดับโดยตรง (ข้อมูลในอดีต) แต่ว่าปจจุบันนี้ ทางGoogle ออกมาบอกอย่างแน่ชัดว่า Meta Descriptions นั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุที่มีผลต่อการจัดอันดับโดยตรงอีกต่อไป


หากเมื่อเทียบกับ title tags ด้วยเหตุว่าที่ว่าตอนนี้ Google ได้เริ่มดึงรายละเอียดที่เกี่ยวโยงจากในคอนเทนท์มาแสดงแทนและบางครั้ง Meta Descriptions ก็ชอบถูกเลือกมาแสดง 

 

บนหน้าผลสรุปการค้นหาอยู่เป็นประจำด้วยเหมือนกันนี้เลยเป็นเหตุในการเลือกที่จะเขียนkey wordsจำเป็น เพราะว่า Meta Descriptions ที่Googleดึงขึ้นมานั้น 

 

พวกเราจะไม่อาจจะระบุได้เองแต่ว่าหากพวกเรามีการเขียนแล้วก็วางกลอุบายเอาไว้ เผื่อจังหวะที่ผู้ใช้มาอ่าน บางทีอาจจะในส่วนเพิ่ม CTR ให้กับคอนเทนท์ได้ ถ้าเขียน แล้วน่าดึงดูด


โดยวิธีการเขียน meta description มีดังนี้


-เพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวเนื่องเข้าไปใน Meta Descriptions


-เขียน Meta Descriptions ให้แปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน


-เขียนให้สอดคล้องกับ Search Intent ของคนค้นหา


-เน้นย้ำชักจูงให้ผู้อ่านกดคลิ๊ก ต้องการทราบให้ได้มากที่สุด

 

 

3. ปรับแต่งการทำ Image SEO 2022 (SEO รูปภาพ)

 

⚈ นามสกุลไฟล์ภาพ

จากสถิติ การอ่านบทความบนเว็บไซต์ การเลือกที่จะเพิ่ม รูปภาพ Video ไฟล์เสียง เข้าไปในคอนเทนท์ พร้อมกับการปรับแต่งทางเทคนิค ให้ถูกต้อง จะเป็นส่วนที่ช่วยให้เรามีแนวโน้มอันดับที่ดีขึ้นได้เพราะรูปภาพ Video หรือไฟล์เสียง

จะเป็นส่วนที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความมีส่วนร่วมต่อบทความได้เยอะมากขึ้น มีจุดพักสายตา ที่สำคัญ ข้อมูลยังย่อย ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบข้อความ

 

โดยเทคนิคในการปรับแต่งรูปภาพ อันดับที่ 1 คือการเลือกนามสกุลไฟล์ภาพนามสกุลของไฟล์ภาพ ที่นิยมบนเว็บไซต์จะมี 3 ไฟล์ด้วยกันนั้นคือ JPEG, PNG และ WebP

 

โดยนามสกุลไฟล์ภาพ เมื่อลองเทียบระหว่าง JPEG กับ PNG จพบว่า JPEG มีขนาดที่เล็กกว่ามากแต่ก็ใช่ว่า JPEG จะดีที่สุด 

 

เพราะ เมื่อเราลองเพิ่มข้อความ หรือวาดเส้น เข้าไปทั้งสองนามสกุลไฟส์ จะพบว่า JPEG นั้น เส้นมันจะแตกๆ 

เมื่อเทียบความคมชัดกับ PNG แต่ PNG ก็จะติดที่มีไฟส์ขนาดที่เยอะเกินความจำเป็น

 

Webp คือตัวเลือกที่Google แนะนำให้ใช้ เมื่อเปรียบเทียบนามสกุลไฟล์ทั้งสองแบบ

WebP จะมี lossless images เล็กกว่า PNG 26%
และWebP จะมี lossless images เล็กกว่า JPEG เล็กว่า 25%-34%

 

 

สรุป
แนะไฟล์ PNG กับ WebP เป็นหลักครับ ในบ้างรูปที่มีการใส่ข้อความไปด้วยก็จะใช้เป็น PNG เพื่อขนาดเส้นมีความคมชัด อ่านง่าย แต่ก็จะดูขนาดไฟล์ด้วยถ้าใหญ่ไป ก็จะนำไปลดขนาดไฟล์ภาพก่อน

 

⚈ ขนาดของไฟล์รูปภาพ

นอกจากเรื่องของนามสกุลไฟล์ เรายังสามารถลดขนาดของไฟล์รูปภาพได้โดยการบีบอัดข้อมูลของไฟล์ ให้มีขนาดเล็กลง เพราะเมื่อยิ่งไฟล์เรามีขนาดใหญ่เท่าไหร่ เว็บเบราว์เซอร์ก็จะใช้เวลาโหลดรูปภาพที่นานมากยิ่งขึ้น

 

เราสามารถลดขนาดไฟล์ ได้โดยใช้เครื่องมือช่วย เช่น tinypng.comShortPixel

⚈ alt text Images

ถึงแม้ปัจจุบันนี้Google จะมีเทคโนโลยี ที่สามารถช่วยทำให้เข้าใจรูปภาพมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก


แต่การเพิ่ม alt text ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ยังจะช่วยให้Google เข้าใจรูปภาพที่อยู่ในคอนเทนท์ได้ดียิ่งขึ้น


เทคนิคในการใส่คีย์เวิร์ด สำหรับ “alt text” ให้ลองนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคำหลักไปใส่ไว้ โดยจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับรูปภาพด้วยนะครับ 

เช่น เราทำคอนเทนท์ “รองเท้า” อาจใส่รูปภาพ ที่มีคีย์เวิร์ด “ร้านขายรองเท้า….”, “รองเท้าแฟชั่น”, “รองเท้าผ้าใบ” ลงไปภายใน alt text ของรูปภาพด้วยของเราด้วยนะครับ

.

⚈ การทำ Lazy-Load Your lmages

Lazy-Load จะเป็นเหมือนกับการให้บราวเซอร์ชะลอการโหลดข้อมูลที่ไม่สำคัญ หรือให้โหลดเฉพาะข้อมูลที่เราเห็นก่อน อะไรที่ยังไม่เห็น 

คืออย่าเพิ่งโหลด ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการทำงานของระบบได้เยอะมากๆ


สมมุติ ว่ามีข้อมูลอยู่ 10 อย่างในหน้าคอนเทนท์ แต่มือถือ หรือหน้าจอที่มองเห็น เห็นเพียงแค่ 2 อย่าง ระหว่างโหลดทั้งหมดเลย กับการเลือกโหลดแค่ 2 อย่างก่อน การเลือกโหลด 2 อย่างก็จะเป็นการประหยัดพลังงานมากกว่า

 

 

4. ปรับแต่งสปีดของเว็บไซต์(ข้อนี้สำคัญมากๆนะครับ)

คงไม่ดีแน่ๆ ถ้าใครก็ตามที่เข้ามาอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ของเรา แล้วต้องรอมากกว่า 3 นาที แค่ 10 วิ 5 วิ ก็อาจจะออกไปดูเว็บไซต์อื่นแล้ว ยิ่งถ้าหากเว็บไซต์เข้าแล้วช้ามากๆ การันตีเลยว่า ส่งผลต่อการทำอันดับแน่นอนครับ


ซึ่งความเร็วของหน้าเว็บไซต์ นี้แหละครับก็สามารถตรวจสอบได้ ผ่าน PageSpeed Insights, GTMetrix ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ ก็จะช่วยในการให้ข้อมูล เกี่ยวกับการปรับแต่งความเร็วบนเว็บไซต์ เพื่อเป็น Report ในการปรับปรุงได้

 

สิ่งที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ที่พบเห็นได้เยอะที่สุด ก็คือ “รูปภาพ” ดังนั้นให้กับไปดูในหัวข้อการเลือกไฟล์รูปภาพที่เหมาะในการทำ Seo นะครับ หากเรามีการปรับแต่งรูปภาพแล้ว ก็ยังมีจุดที่เรายังปรับแต่งเพิ่มได้อีก เช่น

การเปิดใช้งาน browser caching ลบปลั๊กอิน หรือส่วนเสริมที่ไม่จำเป็นต่อเว็บไซต์ 

(หรืออาจเลือกลบภาพที่เราไม่ได้ใช้ก็ดีนะ)การลดระยะเวลาการตอบสนองต่อเซิร์ฟเวอร์ใช้ Hosting ดีๆ แนะนำให้ใช้ cloud hosting ทำ Minify CSS and JavaScript files (ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง)

 

5. วางกลยุทธ์การทำโครงสร้าง Internal Link

 

Internal Link เป็นสัญญาณที่Google ใช้ในการเรียนรู้ว่าบทความ แต่ละบทความบนเว็บไซต์ คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ถือว่าเป็นคีย์ที่สำคัญในการดันอันดับ ของคอนเทนท์ 

แต่การทำ Internal Link ก็มีข้อควรระวัง เพราะหากเราเลือกใช้ text link ที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะทำให้Google นั้นเกิดการสับสนได้ อันนี้ระวังกันด้วยนะครับ

 

⚈ เทคนิคในการทำ internal link

เลือกใช้คีย์เวิร์ดของคอนเทนท์ที่ต้องการทำอันดับ มาทำ internal link เช่น ต้องการดันอันดับคำว่า “รองเท้า” 

ที่เป็นคอนเทนท์ที่หนึ่ง ในคอนเทนท์ที่สอง สมมุติว่าเป็นคอนเทนท์ “ร้านขายรองเท้า ใกล้ฉัน” ภายในคอนเทนท์นี้ให้มี internal link คำว่า “รองเท้า” ไปยังคอนเทนท์ “รองเท้า” ที่เป็นคอนเทนท์ที่หนึ่งเลือกใช้คอนเทนท์ที่มีค่าพลังสูงๆ 

 

ในการทำ Internal link ตรวจสอบว่าคอนเทนท์ไหนบ้างที่ยังไม่มี Internal link โยงไปหา ให้ทำการปรับแต่ง เชื่อมโยงเข้าไปครับ จะทำให้คอนเทนท์ของเรานั้น สมบูรณ์มากขึ้นด้วยครับ

 

 

6.ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ (user experience)

 

ข้อนี้ เป็นกฏใหม่ของปี2022 ก็ว่าได้เลยครับ เพราะทาง Google นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องประสบการณ์ของผู้ใช้ มีผลต่ออันดับอย่างมาก เพราะอะไรครับ ลองคิดดูนะครับ


ถ้าหากผู้ใช้งานบนGoogleเข้ามาบนเว็บไซต์ของเราแล้ว กดออกทันที Google ก็คงจะรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย ทีให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ไม่ดีต่อผู้ใช้งาน จนต้องรีบกดออกไป อยู่ในอันดับต้นๆ 

นอกจากเรื่องของความเร็วในการเข้าชมเว็บไซต์แล้ว

 ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ยังมีจุดสำคัญที่ต้องดูเพิ่มเติมอีก เช่น การเลือกใช้ Subheadings H1, H2 และ H3 ให้มีคีย์เวิร์ด และใช้หัวข้อที่น่าสนใจ ให้ผู้อ่านรู้สึกอยากอ่านต่อ


ดังนั้นการวางโครงสร้างของเนื้อหาให้ดึงดูดผู้อ่าน 

เช่น การเพิ่มรูปภาพ การเพิ่มวีดีโอ หรือการอธิบายโดยใช้ภาพเคลื่อนไหว ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ในปี 2017 Googleได้เริ่มต้นให้ popup เป็นหนึ่งในปัจจัยการจัดอันดับ


การเลือกใช้ popup บนเว็บไซต์ จึงควรหลีกเลี่ยง popup ที่ส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ทำให้เว็บไซต์รองรับทุกอุปกรณ์ เป็นที่แน่นอน

ว่าGoogle จัดอันดับโดยใช้ mobile-first indexing ดังนั้นเว็บไซต์ของธุรกิจต้องให้ประสบการณ์ที่ดี ในทุกอุปกรณ์

 

 


อย่าลืมไปปรับเว็บของเรากันด้วยนะครับ เพราะ ตรงนี้เป็นอีกข้อที่เราห้ามมองข้ามเลยครับ มีผลกับเรื่องของ SEO อย่างมาก

 

7.ใช้โครงสร้าง URLs ที่ Friendly

 

ใช้โครงสร้าง URLs ที่ Friendly ให้ทั้งผู้ใช้งานและGoogle สามารถเข้าใจได้ว่าหน้าที่เข้าอยู่นั้น เกี่ยวข้องกับอะไร


หลีกเลี่ยง URLs ที่เป็นตัวเลข แต่ให้ใช้ URLs ที่สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย เช่น ใช้ abc.com/test/ แทนที abc.com/2462/ เป็นต้น

 

 ⚈ เทคนิคในการวางโครงสร้าง URLs ที่ดีมีดังนี้

 

-ใช้ URLs ที่สั้นกระชับ เข้าใจได้ง่าย


-ใช้ URLs ที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด หรือใช้คีย์เวิร์ดที่ต้องการทำอันดับ หากเป็นภาษาไทย แนะนำให้ใช้ ภาษาอังกฤษครับ


-วางโครงสร้าง URLs ให้เป็นหมวดหมู่ อาจจะเลือกใช้เป็น subcategory 

อย่างชัดเจน เช่น abc.com/product-category/t-shirt/ หรือ abc.com/seo/what-is-onpage นอกจะช่วยทำให้ให้ผู้ใช้งานและGoogle เข้าใจได้ง่ายแล้ว ยังสะดวกต่อการนำ Data ไปจัดการเพื่อวิเคราะห์ต่ออีกด้วย

 

 

สาระสำคัญ : จากประสบการณ์ที่ทำ SEO ให้กับเว็บที่มีคอนเทนท์เยอะๆ ถ้า URLs เป็นตัวเลขหรือ ไม่มีการจัดวางโครงสร้างของ URLs ที่ดี ไว้ก่อนตั้งแต่แรก ตอนวิเคราะห์เพื่อ Optimize จะทำได้ยากมากๆ ครับ

 

8. เชื่อมโยง Backlink คุณภาพเข้ามาสู่เว็บไซต์

Backlink ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำอันดับของ Google เปรียบเหมือนเป็นสัญญาณ ที่บอกGoogleว่าเว็บไซต์ที่โยงลิงค์ไปหานั้น มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร?

การได้รับปริมาณของ Backlink ในจำนวนมากๆ มีค่าน้อยกว่าการได้รับ Backlink ที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือสูงครับ ในบ้างกรณี ที่เราได้ Backlink เพียงไม่กี่ลิงค์ ก็เป็นพลังที่ช่วยส่งเสริมให้คอนเทนท์ ได้รับอันดับที่สูงมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

 
 

9. สร้างคอนเทนท์ที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน(สำคัญมากๆ)

เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐาน ที่สุด สำหรับการสร้างคอนเทนท์ครับ ซึ่งหลายคนก็จะมีวิธีการสร้างเนื้อคอนเทนท์ที่มีคุณภาพแตกต่างกันไป โดยแนวทางการสร้างเนื้อหา ที่ผมมักใช้ประจำมีดังนี้


-ค้นหาคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุด ก่อนเริ่มต้นเขียนคอนเทนท์


-วิเคราะห์คำในการค้นหาของผู้ค้นหาบน Google ว่าเขากำลังอยากรู้อะไรอยู่


-ลองอ่านเนื้อหาของคู่แข่ง ว่าเขามีแนวทางในการทำคอนเทนท์อย่างไรบ้าง


-ลองจิตนาการถึงโครงสร้างของการทำ Internal link ว่าควรวางในรูปแบบใด ที่คอนเทนท์ไหนบ้าง


-เขียนข้อมูลที่เป็น original ให้ได้มากที่สุด ในภาษาของตนเอง หรืออาจลอง เขียนแบบแหวกๆ เติมสไตล์ ของตนเองไปก็ได้นะครับ อันนี้แนะนำว่าดีมากๆ


-เพิ่มเติมรูปภาพ วีดีโอ เข้าไปในคอนเทนท์ เพื่อให้คนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น


-เขียน headers, title tags ให้มีคีย์เวิร์ดหลัก คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และน่าดึงดูดให้
อ่านต่อ

 

สาระสำคัญ : คำว่าคอนเทนท์ที่เป็นประโยชน์ คอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ไม่ได้หมายถึงการสร้างเนื้อหาคอนเทนท์ยาวๆ ในบ้างกรณี ถึงแม้เราจะเขียนยาว แต่ “ความเกี่ยวข้อง” มีน้อยกว่า ก็โดนแซงได้


ดังนั้นจุดสังเกตุ ให้ลองดูเว็บไซต์ ใหญ่ๆ บางเว็บครับ ในบางคีย์เวิร์ดก็ไม่จำเป็นต้องเขียนยาว ขอแค่ให้มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและนี้คือ 9 เทคนิคในการทำ SEO ในปี 2022 ที่ Fast tacksนำมาฝากทุกคนในวันนี้ครับ

.
.

สำหรับใคร ที่กำลังสนใจการทำ SEO เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจของคุณอยู่ล่ะก็ ทาง Fast tacks ยินดีให้คำปรึกษา และแนะนำให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ 

 

สามารถติดต่อได้ทุกช่องทางครับผม

Fast tacks บริการรับทำการตลาดออนไลน์

เทคนิคการทำ SEO ปี2022 ที่จะช่วยให้เว็บคุณติดอันดับง่ายๆ Read More »

SEO 2022

10 วิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ

10 วิธีการเขียนบทความ SEO

หากเรามีบทความที่กำลังจะอัพลงเว็บไซต์ วันนี้เราจะมาแนะนำ วิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ เพื่อให้บทความของเรานั้นติด SEO ในอันดับที่ดี จะต้องทำอย่างไร? แต่เราจะ รู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพบทความในเว็บไซต์ของเรา

เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา หรือไม่? ความจริงก็คือ Google นั้นก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ มีพันธกิจ และพันธกิจที่ว่าของ Google เป็น

ดังนี้: ภารกิจของ Google คือการจัดระเบียบข้อมูลของโลกและทำให้ทุกคนเข้าถึงได้และมีประโยชน์

1.ใช้แพลตฟอร์ม CMS ที่เป็นมิตรกับการค้นหา

ไม่ว่าเราจะกำลังวางแผนที่จะสร้างเว็บไซต์ใหม่ ในฐานะธุรกิจหรือเพียงแค่เป็นงานอดิเรก เราต้องมีระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แพลตฟอร์มบนเว็บที่ช่วยให้เราสามารถสร้างและจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ ดังนั้นเราจึงต้อง เลือกแพลตฟอร์มและวางแผนที่จะเลือก CSM ที่เป็นมิตรกับการทำ SEO ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ดังนั้นทาง fasttacks ขอแนะนำ WordPress ที่เราสามารถติดตั้งและใช้งานได้ฟรี ใช้งานง่าย หากคุณต้องการ hosting ที่ได้คุณภาพ สำหรับ wordpress และราคาไม่แพง ทางเราแนะนำ Hostatom ทีมงานดูแลซัพพอร์ต ดีมากๆ และที่สำคัญคือราคาไม่แพงสำหรับผู้เริ่มต้น

ดังภาพด้านล่าง WordPress เป็นCMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้เลือกใช้ CMS ทั้งหมด

รูปที่มา: IONOS

ทำไมต้องเลือก WordPress ?

  • WordPress เองนั้นใช้งานฟรี 100% และโอเพ่นซอร์ส มีค่าใช้จ่ายเพียงเฉพาะโดเมนและเว็บโฮสติ้งเท่านั้น
  • WordPress สามารถสร้างลิงก์ที่กำหนดเองและแก้ไขข้อมูล mata tag โดยการเพิ่ม keywords ที่เกี่ยวข้อง ได้ด้วยตัวเอง
  • สุดท้าย WordPress ทำงานได้ดีกับปลั๊กอินบล็อก SEO เช่น Yoast, Google XML Sitemaps และ Google Analytics โดย Monster Insight เพื่อเพิ่มอันดับการทำ SEO

2.เร่งความเร็วเว็บไซต์ของเรา

เรารู้หรือไม่ว่า40% ของผู้เข้าชมที่ กดออกจากหน้าเว็บที่ใช้เวลาโหลดนานกว่า 3 วินาที ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเว็บไซต์ เป็นสิ่งสำคัญมากที่ Google ได้กำหนดให้เป็นปัจจัยของการจัดอันดับที่มีผลอย่างมากในปัจจุบัน และบ่อยครั้ง ที่ความเร็วของเว็บไซต์นั้นโหลดช้า

จะทำให้เราเสียโอกาสผู้เข้าชมที่เข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ในทันที ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น แทนที่จะดูหน้าอื่นๆ ภายในเว็บไซต์เดียวกันต่อไป

อัตราการตีกลับที่เพิ่มขึ้นจะถูกเลือกโดยเครื่องมือค้นหาของ google และลดอัตราการรวบรวมข้อมูล ผลเสียคือทำให้อันดับของเรานั้นลดลงอีกด้วย

ที่มา: Crazy Egg

เราจะปรับปรุงความเร็วของหน้าเว็บได้อย่างไร?

ก่อนอื่น ให้เราไปที่เครื่องมือต่างๆ เช่น GTmetrix หรือ Page Speed Insights เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของนั้นใช้เวลาในการโหลดหน้าแรก เท่าไร เมื่อเราได้ทราบผลลัพธ์เบื้องต้นแล้ว ก็ถึงเวลาเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ของเราต่อไป เราควรปรับปรุงอะไรบ้าง:

  • ย้ายเว็บไซต์ของเราไปยังโฮสต์ที่ดีกว่า
  • เลือกธีมเว็บไซต์ที่รวดเร็วและมีน้ำหนักเบา
  • ปรับขนาดของรูปภาพบนเว็บไซต์ของเราให้เหมาะสม
  • ลดจำนวนปลั๊กอินที่ไม่มีความจำเป็น
  • ใช้การแคชเว็บไซต์
  • ลดจำนวนไฟล์ JavaScript และ CSS
  • ลดการเปลี่ยนเส้นทาง

เมื่อเรากำหนดค่าปลั๊กอินและเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเราแล้ว ก็ถึงเวลาทบทวนการทดสอบความเร็วของเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง และดูว่าการปรับปรุงเว็บไซต์ของเรานั้น ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้วหรือยัง และความเร็วเพิ่มขึ้นหรือไม่?

ผลลัพธ์ของเว็บไซต์ของเราควรคล้ายกับ ภาพตัวอย่าง ด้านล่าง:

ที่มา: page speed

3.เลือกใช้ธีมที่เหมาะกับมือถือ

การค้นหาบนมือถือเป็นปัจจัยที่สำคัญต่ออันดับ ของ การทำSEO อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ เพราะบนมือถือเป็นแกนปัจจัยหลักของการจัดทำดัชนีของ Google นั้นเอง

ทำไมการทำ SEO ที่เป็นมิตร บนมือถือจึงมีความสำคัญ?

เหตุผลง่ายๆ ณ วันนี้ การบริโภค เนื้อหาออนไลน์มากกว่า 70% เกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ และ 67% ของผู้ซื้อ เลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่เหมาะ กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดังนั้น

คำขอแนะนำให้ เราปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่

ตอนนี้ Google จะจัดอันดับผลการค้นหาจากการค้นหาบนมือถือเป็นปัจจัยแรก การออกแบบที่ตอบสนองตามอุปกรณ์สำหรับเว็บไซต์ที่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นดีที่สุด และทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นสามารถมองเห็นได้จากทุกอุปกรณ์ (มือถือ แท็บเล็ต หรือ คอมพิวเตอร์)

ที่มา: Google Search

หากต้องการตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเรานั้นเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้วหรือไม่

ให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้:

4.ติดตั้ง XML Sitemap

แผนผังเว็บไซต์ XML คือ การแสดงรายการหน้าเว็บที่สำคัญทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณ แผนผังเว็บไซต์ XML ที่ดีก็เหมือนแผนงานของเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้นำทาง Google ไปยังหน้าที่สำคัญทั้งหมด ได้อย่างถูกต้อง

ที่มา: Search Engine Journal

ตัวอย่าง: แผนผังเว็บไซต์ช่วยค้นหา ผ่านไฟล์แผนผังเว็บไซต์แบบ XML ได้ง่าย

เมื่อเรารวมหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO บนแผนผังเว็บไซต์ XML จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลไปยังเว็บไซต์ของเราได้อย่างง่ายดายสิ่งสำคัญที่เมื่อส่งแผนผังเว็บไซต์ XML เราต้องหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้:

  • หน้าซ้ำ
  • มีเลขหน้า
  • หน้าผลการค้นหาเว็บไซต์
  • ตอบกลับทาง URL ความคิดเห็น
  • หน้าที่เก็บถาวร
  • เปลี่ยนเส้นทาง
  • เพจถูกบล็อกโดย Robot.text
  • หน้าที่ไม่มีดัชนี
  • หน้าที่เราไม่ต้องการ Google เก็บข้อมูล เช่น ติดต่อเรา นโยบายความเป็นส่วนตัว และหน้าเข้าสู่ระบบ

5.ทำวิจัย Keywords และเน้นการใช้ Long Tail Keywords

การวิจัย keywords เป็นรากฐานที่สำคัญของผู้ทำSEO ทุกคน เพราะ การวิจัย keywords เป็นวิธีที่เราสามารถเลือกใช้ คำหรือ keywords ที่ผู้คนใช้ขณะค้นหา เป้าหมายของเราก็คือ เลือกใช้คำเหล่านั้นมาใช้เพื่อจัดอันดับการทำ seo ของเรานั้นเอง

เพื่อเพิ่มปริมาณการเข้าชมให้แก่เว็บไซต์ของเรา keywords เหล่านี้จะใช้ในการสร้างลิงก์และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องมือค้นหาของ google

คำแนะนำ: ให้เราเลือกใช้ Long Tail Keywords ในการเริ่มต้นการทำ Seo

Long Tail Keywords คือ คำที่มีความยาว 4+ คำ และมีความเฉพาะเจาะจงมากๆ เพราะการเลือกใช้ Long Tail Keywords จะตรงกับเจตนาของผู้ค้นหามากกว่า keywords กว้างๆ

ข้อดีของการเลือกใช้ Long Tail Keywords มีการแข่งขันน้อย เพราะด้วยการปริมาณการค้นไม่ได้มาก 10-200 ครั้งต่อเดือน

ตัวอย่างของ Long Tail Keywords คือ:


“ประกันชีวิตผู้สูงอายุราคาประหยัด”
“สั่งซื้อวิตามินดีแคปซูลออนไลน์”

มีหลายวิธีในการค้นหา keywords

เครื่องมือที่ใช้ค้นหา keywords เช่น ubersuggest ช่วยให้เราค้นหา keywordsของเราได้ง่ายขึ้น และยังได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับ Keywords แต่ละคำที่เราจะมาทำใช้ในการทำ Seo สามารถอ่านบทความ การเลือกใช้ Keywords ด้วย ubersuggest ได้ที่นี่

6.เน้นการทำ เนื้อหา ที่สมบูรณ์

การทำให้เนื้อหาสมบูรณ์ คือ เนื้อหาควรที่มีมากกว่า 1,500 คำ Google นั้นชอบประเภทเนื้อหาที่มีคุณภาพละมีความสมบูรณ์ของเนื้อหามากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา

ตามรายงานของ SerpIQ จำนวนคำที่ใช้ในการทำSeo โดยเฉลี่ยของเนื้อหาที่อยู่ในอันดับที่ 1 คือ 2,416 และอันดับที่ #10 คือ 2,032

ซึ่งหมายความ ว่าเพื่อให้เนื้อหาของเราติดอันดับในหน้าแรก เนื้อหานั้นจะต้องมีคุณภาพและมีจำนวนคำที่เหมาะสม สำหรับการทำอันดับของSEO

ข้อมูลจาก Backlinko ยืนยันว่า การสร้างเนื้อหาด้วยจำนวนคำที่มากและมีคุณภาพ จะมีประสิทธิภาพดีกว่าเนื้อหาสั้นๆ ที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน

ที่มา:Backlinko

แล้วการใช้เนื้อหาแบบสมบูรณ์ มีประโยชน์อย่างไร ?

  • ช่วยเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์เรา
  • ช่วยให้google มองว่าเรามีความเป็น E-A-T ในธุรกิจของเรา
  • ช่วยให้มีการแชร์เนื้อหาส่งต่อให้ผู้อื่นมากยิ่งขึ้น
  • ทำหน้าที่ในการสร้างลิงค์ ส่งไปยังบทความหรือเนื้อหาต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น

แม้ว่าเนื้อหาแบบจำนวนคำมากๆนั้น จะทำให้เรามีอันดับที่ดีขึ้น แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เกี่ยวกับคุณภาพ การสร้างเนื้อหาเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงจะช่วยให้เรามีอันดับที่ดีขึ้น อีกด้วย

ดังนั้นบทความและเนื้อหาที่ดี ควรเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน และนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด จะถือว่าดีมากๆ

7.วาง Keywords ไว้ในเนื้อหาของเรา

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า จะวางKeywords ไว้ที่ใด ที่สามารถช่วยปรับปรุงอันดับของเราได้

เราขอแนะนำให้วาง keywords ในโพสต์ของคุณ ตามนี้ได้เลย:

Title ชื่อเรื่อง : นำ keywords มาตั้งชื่อเรื่อง อธิบายหัวข้อหลักของหน้า และแสดงขึ้นเป็นอันดับแรกในผลการค้นหา

Meta description คำอธิบาย : ช่วยให้ Google ระบุความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของเรา และช่วยให้ผู้ค้นหาตัดสินใจคลิกเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ของเรา การรวมคำหลักจะทำให้เนื้อหาของเราเกี่ยวข้องกับการค้นหา

หัวเรื่องและหัวเรื่องย่อย: ทำให้เนื้อหาของเราดูน่าสนใจ และช่วยให้ผู้เยี่ยมชมตัดสินใจความเกี่ยวข้องของเนื้อหา

เนื้อหา: ใช้ keywords ของเราในประโยคที่สองและสาม เป็นอย่างน้อยในย่อหน้าแรก และกระจายไปทั่วเนื้อหาของคุณเท่าที่จำเป็น (ห้ามใส่มากจนเกินไปนะครับ) แนวทางที่ดีที่สุดคือ การใช้ Latent Semantic Indexing (LSL) แทนการใช้คีย์เวิร์ด

แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใส่ keywords ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเพราะจะส่งผลเสียต่ออันดับการค้นหาของเราและเราจะถูกลงโทษ

URL: Urls แปลก ๆ ที่มีตัวเลขและตัวอักษรจำนวนมาก ไม่แนะนำให้ใช้ แต่ควรตั้งชื่อ URL ที่มี Keywordsจะช่วยให้รู้ว่าเนื้อหา ในหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร

ลิงค์:ใ ช้ Keywords LSL เป็น anchor text เพื่อให้การทำงานของเราง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้ปลั๊กอิน Yoast SEO จะแสดงให้เห็นสิ่งที่เราต้องปรับปรุงเพื่อให้อันดับดีขึ้น

ที่มา:Yoast

8.ปรับแต่งรูปภาพของเราด้วย ข้อความ

เรารู้หรือไม่ว่ารูปภาพนั้นได้รับการจัดทำดัชนีด้วย?

ในการเพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพของเรา นั้นให้ใช้ข้อความแสดงแทนซึ่งทำหน้าที่เป็นคำอธิบายของรูปภาพได้ แม้ว่าจุดประสงค์เดิม คือเพื่อให้บริการผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นที่ไม่สามารถอ่านภาพได้ แต่ในปัจจุบันนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของบทความของเรา

ในการเพิ่มประสิทธิภาพ รูปภาพของเรา:

• ตรวจสอบว่ารูปภาพที่เราใช้เกี่ยวข้องกับหัวข้อโพสต์
• เปลี่ยนชื่อไฟล์จากIMG-5303 เป็นชื่อ ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ เราสามารถใช้คีย์เวิร์ด LSI ได้หากสมเหตุสมผล
• ใช้คีย์เวิร์ด SEO ในชื่อภาพ โดยปกติจะปรากฏขึ้นเมื่อเราวางเมาส์เหนือรูปภาพ
• ใช้ keywords ของเราในข้อความแสดงแทนหากรู้สึกเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับรูปภาพ แต่หลีกเลี่ยงการกรอก แอตทริบิวต์ alt ทั้งหมดด้วย Keywords เนื่องจากอาจทำให้เว็บไซต์ของเราถูกมองว่าเป็นสแปม

9.เชื่อมโยงลิงก์ภายในเว็บไซต์

ลิงก์ภายใน คือ ลิงก์ที่เชื่อมไปยังหน้าอื่นๆในเว็บไซต์ของเรา

ทำไม การเชื่อมโยงลิงก์ภายใน จึงมีความสำคัญ?

• ช่วยนำทางสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์
• ได้จัดทำคำสั่งข้อมูลบนเว็บไซต์
• กระจายการจัดอันดับลิงค์ทั่วทั้งเว็บไซต์

การเชื่อมโยงลิงก์ภายในที่มีประสิทธิภาพ

คำแนะนำคือ: ควรใช้ anchor text ที่มี Keywords ในลิงก์ แต่อย่าเชื่อมโยงหน้าเว็บที่มี anchor text เดียวกันกับที่ Google พิจารณาว่าเป็นหัวข้อเดียวกัน ให้ใช้ anchor text อธิบายอื่นๆ เชื่อมโยงไปยังหน้าที่สำคัญ เช่น หน้าแรก ซึ่งเป็นหน้าที่เชื่อถือได้มากที่สุดในเว็บไซต์ของเรา

สุดท้ายคือ เพิ่มส่วนโพสต์ที่เกี่ยวข้องด้านล่าง หรือเพิ่มลิงก์ไปยังโพสต์ ล่าสุด หรือโพสต์ยอดนิยมสำหรับการเชื่อมโยงลิงก์ภายใน

10.ปรับเปลี่ยนหรืออัพเดตเนื้อหาปัจจุบันของเรา

มีการโพสต์บทความมากกว่า 4.4 ล้านโพสต์ทุกวัน นั่นหมายถึง 3,000 บทความต่อนาที

คำแนะนำ: ให้เราอัพเดตการนำเนื้อหากลับมาใช้ใหม่ช่วยประหยัดเวลาและสร้างสิ่งที่มีอยู่แล้วนอกเหนือจากการเริ่มต้นสร้างบทความใหม่

วัตถุประสงค์ของ การทำบทความ SEO คือ การปรับปรุงเนื้อหาใหม่จะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชม ช่วยให้เนื้อหาของเราสดใหม่อยู่

เสมอเนื่องจาก Google ต้องการให้เรามีการอัพเดตและเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด ดังนั้นยังช่วยให้ google มองเว็บของเรามี

ความเป็น E-A-T มากยิ่งขึ้นด้วยครับ

เราจะนำบทความไปใช้ใหม่ในเนื้อหาที่มีคุณภาพได้อย่างไร .

โดยการเปลี่ยนเนื้อหาเป็น:

• อินโฟกราฟิก

• งานนำเสนอ Webinar

• วีดีโอ

• โพสต์โซเชียลมีเดีย

• เอกสารและ e-book

• คอร์สออนไลน์

นอกจากนั้น ลบเนื้อหาที่ทำงานได้ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เก่า และไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเขียนบทความของเราออกจาก เนื้อหา เพียงแค่นี้เราก็ได้เนื้อหาที่มีคุณภาพและสดใหม่แล้วครับ

สรุป

วิธีในการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ จะช่วยให้เราได้รับคลิกจากผลการค้นหาทั่วไปมากกว่าการลงโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย และการทำ SEO นั้นสามารถนำการเข้าชมมากกว่า PPC ถึง 20 เท่า ทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ เพียงช่องทางเดียวที่ยังให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

แต่ในขณะที่โฆษณาต้องการเงินทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อนำการเข้าชมมาสู่เว็บไซต์หรือเนื้อหาของเราดังนั้น หากท่านใดต้องการทำการตลาดระยะยาว การทำ seo นั้นถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ทางเราแนะนำมากๆ อาจจะใช้เวลาหน่อย

แต่รับรองว่า ผลลัพธ์นั้นดีเกินคุ้มแน่นอนครับ

สำหรับ ท่านใดกำลังมองหาตัวช่วยในการทำseo wordpress พื่อให้ธุรกิจของคุณนั้น มียอดขายจากเว็บไซต์สามารถ ติดต่อทาง Fast tacks ได้เลยนะครับ

Fast tacks บริการรับทำการตลาดออนไลน์

10 วิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ Read More »

การเขียนบทความ SEO

สรุปอัพเดท อัลกอริทึมGoogle ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

Google สรุป การปรับปรุงอัลกอริทึมใหม่ เพื่อปรับปรุงความแม่นยำของผลการค้นหาที่แสดงกับผู้ใช้ให้เป็นปะโยชน์มากยิ่งขึ้น

Google ต้องการเพิ่มบริบทในผลการค้นหาของตนมากขึ้น เพื่อลดการเผยแพร่ของข้อมูลที่ผิด โดยเพิ่มการจับคู่ข้อมูลตามบริบทที่ปรับปรุงสำหรับ Search Snippets และข้อมูลเสริมเพิ่มเติมภายในผลการค้นหา เพื่อที่จะช่วยให้ผู้ใช้ตัดสินใจได้ว่าผลลัพธ์ใดถูกต้องที่สุด ก่อนหน้านี้ Google ได้ปรับปรุงอัลกอริทึมที่มีการเพิ่มเติมข้อมูลcodeการค้นหา

ซึ่งเป็นผลลัพธ์การตอบสนองโดยตรงที่แสดงในคำค้นหา

จากอ้างอิงของ Google :

“ ด้วยการใช้โมเดล AI ล่าสุดของเรา Multitask Unified Model (MUM) ระบบของเราสามารถเข้าใจแนวคิดเกี่ยวกับความสอดคล้อง ซึ่งก็คือเมื่อแหล่งที่มาคุณภาพสูงหลายแห่งบนเว็บต่างเห็นพ้องต้องกันในข้อเท็จจริงเดียวกัน ระบบของเราสามารถตรวจทานข้อความเสริม กับแหล่งที่มาคุณภาพสูงอื่นๆ บนเว็บ เพื่อดูว่ามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ทั่วไปสำหรับข้อความเกี่ยวข้องนั้นหรือไม่ แม้ว่าแหล่งที่มาจะใช้คำต่างกันหรือ แนวคิดที่จะอธิบายสิ่งเดียวกัน เราพบว่าเทคนิคที่ใช้ความสอดคล้องนี้ ช่วยปรับปรุงคุณภาพและความเป็นประโยชน์ของข้อความเสริมได้อย่างมีความหมาย”

กล่าวคือ ขณะนี้ระบบของ Google นั้นสามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงและการอ้างสิทธิ์ที่ระบุไว้เพื่อใช้ในตัวอย่าง ซึ่งจะช่วยปรับปรุงความถูกต้องของผลลัพธ์ที่แสดงในการค้นหา

นอกจากนี้ Google ยังบอกด้วยว่าระบบของ Google นั้นเริ่มมีความเข้าใจมากขึ้นเช่นกันเมื่อตัวอย่างข้อมูลแนะนำไม่ได้ให้บริบทที่เกี่ยวข้องของเนื้อหาและเว็บไซต์

“สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับคำถามที่ไม่มีคำตอบ เช่น การค้นหาเมื่อเร็วๆ นี้ว่า “สนูปปี้ ลอบสังหารอับราฮัม ลินคอล์นเมื่อใด” ได้ให้ข้อมูลตัวอย่างที่เน้นวันที่ ที่ถูกต้องและข้อมูลเกี่ยวกับการลอบสังหารลินคอล์น แต่สิ่งนี้ไม่เป็นประโยชน์อย่างชัดเจน วิธีแสดงผลนี้ ”

Google กล่าวว่า ได้ลดการแสดงผล ของตัวอย่างข้อมูลในกรณีดังกล่าวลงถึง 40% เพื่อช่วยปรับปรุงคำตอบของการแสดงผลในทันที ในขณะเดียวกันก็หยุดการเผยแพร่ข้อมูลเนื้อหาที่ทำให้เข้าใจผิดหรือเป็นเท็จ

ลดการแสดงผล จากการเพิ่มปริมาณการเข้าชมจาก Google Snippets ที่ให้คำตอบแก่ผู้ค้นหาในทันที แต่ยังช่วยลดความจำเป็นที่ผู้ใช้จะต้องคลิกผ่านไปยังเว็บไซต์จริง ดังนั้นแม้ว่านี่อาจเป็นการปรับปรุง UI ของ Google แต่ก็ไม่สำหรับทุกเว็บไซต์

การแสดงผลgoogle
รูปที่มา: Google

Google ยังต้องการช่วยให้ผู้ค้นหามีบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่การแสดงผลลัพธ์บางรายการ รวมถึงบริบทที่ขยายภายในองค์ประกอบ ‘ เกี่ยวกับผลลัพธ์นี้ ‘

ดังที่ภาพที่เห็นในตัวอย่างนี้: การอัพเดทจะรวมถึงการเพิ่มข้อมูลว่าแหล่งที่มามีการหมุนเวียนไปมากเพียงใด บทวิจารณ์เกี่ยวกับแหล่งที่มาหรือบริษัท และข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของเว็บไซต์ ซึ่งอาจช่วยให้บริบทที่สำคัญเกี่ยวกับข้อมูลที่นำเสนอ หรือเรียกง่ายๆว่า Google ให้ความสำคัญกับเรื่อง E-A-T มายิ่งขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของผู้ค้นหา

และความถูกต้องของข้อมูลในเนื้อหา Google ยังขยายคำเตือน ‘Content Advisory’ ในผลการค้นหาซึ่งระบบไม่มีความมั่นใจสูงในคุณภาพโดยรวมของผลลัพธ์ที่มี

รูปที่มา: Google

Google สังเกตว่าสิ่งนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าไม่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือผลลัพธ์นั้นมีคุณภาพต่ำ เพียงแต่เพิ่มบริบทเพิ่มเติมเกี่ยวกับชุดผลลัพธ์ทั้งหมดบนหน้า

ความถูกต้องของข้อมูลมีความสำคัญมากขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งผู้คนพึ่งพาการใช้แหล่งข้อมูลบนเว็บเพื่อหาข้อมูลที่ถูกต้องมากขึ้น แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย มักถูกระบุว่าเป็นแหล่งข้อมูลเท็จในแง่นี้มาก เนื่องจากแพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้ทุกคนสามารถสื่อสารอะไรก็ได้ในเรื่องนั้น ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ และนั่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อมั่นในสื่อออนไลน์ลดลงเป็นอย่างมาก ที่ google นั้นให้ความสำคัญ

รูปที่มา: Google

อันที่จริง Google เพิ่งร่วมมือกับ YouGov ในการสำรวจครั้งใหม่ ซึ่งพบว่า 62% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในขณะนี้เชื่อว่าพวกเขาเห็นข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิดเป็นประจำทุกสัปดาห์

การแยกแยะข้อเท็จจริงจากนิยายนั้นยากกว่าที่เคย ด้วยเหตุนี้การการอัพเดทครั้งนี้ จึงมีความสำคัญต่อการสร้างความมั่นใจในผลิตภัณฑ์ของ Google และการรักษา Search ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับการวิจัยทุกประเภท มีความแม่นยำและมีค่ามากที่สุดสำหรับผู้ใช้ทุกคน

สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ SEO อื่นๆได้ที่:

สรุป

Google นั้นเล็งเห็นความสำคัญและไม่มีใครอยากอยากเสพการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือไม่เป็นความจริง แต่ในขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครต้องการหยุดไม่ให้ผู้คนแบ่งปันมุมมองใหม่ๆหรือมุมมองอื่นๆเช่นกัน การเพิ่มเนื้อหาใหม่เหล่านี้พยายามสร้างสมดุลระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ โดยการเพิ่มการจับคู่ตามบริบทในผลการค้นหาของ Google เพื่อให้สอดคล้องกับความเห็นพ้องโดยรวมจากแหล่งที่เชื่อถือได้มากขึ้นมากที่สุด ที่ Google ให้ความสำคัญ

ดังนั้น หากเรากำลังทำ SEO แล้วอันดับร่วงก็ไม่ต้องตกใจไปครับ ดังนั้นเพียงแค่เราเข้าไป เพิ่มเติมทำให้เนื้อหาของเรานั้นมีแหล่งของข้อมูลที่ถูกต้องและมี แหล่งอ้างอิงข้อมูลที่น่าเชื่อที่ได้เพียงเท่านี้ อันดับของเราก็จะกลับมาดีเหมือนเคย ครับ

Fast tacks บริการรับทำการตลาดออนไลน์

สรุปอัพเดท อัลกอริทึมGoogle ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง Read More »

สรุป อัพเดท Google
Scroll to Top

Fasttacks ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่าประเภทคุ้กกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึก