สำหรับคนทำเว็บไซต์แล้ว ต้องบอกเลยครับ ว่าปัญหาหลักๆคือ เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเว็บของเราติดอันดับไหน มีจำนวนผู้เข้าชมเว็บเท่าไหร่ แล้วต้องแก้ไข อะไรตรงไหนบ้าง และวันนี้ครับ เราเลยจึงได้ทำบทความเกี่ยวกับ เครื่องมือทำ seo ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์เชิงธุรกิจ องค์กร หรือเป็นเว็บไซต์ที่ใช้ในการโปรโมตสินค้าก็ตาม สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการทำคอนเท้นท์ก็คือ เรื่องของการทำ SEO หรือชื่อเต็มว่า “Search Engine Optimization” โดย เครื่องมือ SEO นั้นมีความสำคัญตรงที่ว่า
มันคือสิ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณสามารถที่จะที่ติดหน้าแรกของการค้นหาบนเครื่องมือ Search Engine อย่าง Google นั่นเอง
แต่แน่นอนว่า ผู้ที่ทำเว็บไซต์เพื่อขายสินค้า หรือบริการในแบบเดียวกันกับเรา ย่อมต้องมีเช่นเดียวกัน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ใครทำ SEO ได้ดีกว่ากัน โอกาสที่จะติดหน้าแรกและถูกค้นเจอก่อนก็มีมากกว่านั่นเอง ซึ่งหากเราจะเริ่มต้นปรับเว็บไซต์ให้ตอบโจทย์ Google แล้วละก็เราจะต้องรู้ก่อนด้วยว่าการทำ SEO และ SEM นั้นแตกต่างกัน เราจึงมีเครื่องมือที่แตกต่างกันในการวิเคราะห์และช่วยทำโดยเฉพาะของแต่ละประเภท
9 เครื่องมือ SEO ตัวไหนดี
- Google Search Console
- Google Analytics
- Yoasts SEO
- Ahrefs
- SEMRush
- Accuranker
- Ubersuggest
- Moz SEO
- Google Keyword Planner
วันนี้ fast tacks จะมาแนะนำกันทั้งหมด 9 เครื่องมือทำ seo ด้วยกัน โดยมีตั้งแต่ตัวที่เหมาะกับผู้เริ่มต้นไปจนถึงตัวที่เหมาะกับเอเจนซี่รับทำ SEO ระดับมืออาชีพ มาดูกันได้เลย
รวมเครื่องมือทำ seo ที่ใช้ในการวิเคราะห์
มาดูกันเลยว่ามี ตัวไหน แล้วทำอะไรกันได้บ้าง
1.Google Search Console
เครื่องมือการทำ SEO ที่ดีที่สุดสำหรับทุกเว็บไซต์จากค่าย Google ใช้งานฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย Google Search Console คือเครื่องมือที่สามารถเก็บข้อมูลของการเข้าเว็บไซต์ได้โดยโชว์ข้อมูลออกมาเป็น Impressions, Clicks, Average Position และ Click-through rate ซึ่งแต่ละตัวมีความสัมพันธ์กันในแง่ของ Traffic
ประโยชน์ของ Google Search Console คือ สามารถแนะนำเราได้ว่าเว็บไซต์ควรปรับปรุงอะไรบ้างทั้งเรื่องของ Pagespeed และปัญหา User Interface ที่จะช่วยให้การใช้งานเว็บไซต์นั้นมีคุณภาพทีทดีขึ้น ส่งผลให้มีการติดอันดับบน Google ที่ดีขึ้นอีกด้วย
ส่วนข้อดีอีกอย่าง Google Search Console นั้นยังสามารถใช้ตรวจสอบลิงค์ที่มีการส่งเข้ามาจากเว็บไซต์อื่นๆ ได้อีกด้วย เพื่อทำให้เรามั่นใจว่า Backlink ที่สร้างขึ้นมานั้นทำงานได้ปกติหรือไม่ และยังสามารถใช้เป็นตัวกลางในการส่ง Sitemap ไปหา Google ไปอีกด้วยเพื่ออัพเดทว่าเรามีหน้าใหม่เกิดขึ้นแบบเว็บไซต์ กระตุ้นให้ Google เข้ามาอ่านหน้านั้นๆ ของเราตลอดเวลา อันนี้ทาง fast tacks แนะนำเลยว่าเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่เพื่อนๆคนทำ seo ต้องใช้งานเลยครับ
2.Google Analytics
Google Analytics คือเครื่องมือจาก Google ที่เปิดให้ใช้งานฟรีเพื่อเก็บข้อมูล user และพฤติกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ของเรา สามารถจำแนกได้ว่าทราฟฟิคที่มาจากแต่ละช่องทางนั้นมีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน แบ่งออกมาว่าช่องทางไหนที่เราได้คนเข้าชมเว็บไซต์มากที่สุด เป็นเครื่องมือที่ดีมากๆ สำหรับการทำ Online Marketing สำหรับเว็บไซต์ทุกประเภท
ในแง่ของการทำ SEO นั้น Google Analytics สามารถเชื่อมต่อกับ Google Search Console ได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อส่งต่อข้อมูลเข้ามาโชว์เป็น dashboard สำหรับนักการตลาด หากเว็บไซต์ไหนที่มีการทำ SEO นั้นนับว่าเป็นตัวที่สำคัญมากๆ ที่จะต้องมี
3.Yoasts SEO
เครื่องมือ SEO ตัวแรกที่อยากแนะนำมากที่สุดก็คือ Plug-in ตัวหนึ่งของ WordPress ที่ชื่อ Yoast SEO ต้องขอบอกก่อนว่าตัวนี้มีเฉพาะผู้ที่สร้างเว็บไซต์ขึ้นมาด้วย WordPress เท่านั้น ซึ่งคุณสมบัติหลักของเครื่อมือตัวนี้ก็คือ ช่วยให้เราสามารถทราบได้ทันทีว่า คีย์เวิร์ดที่เราใช้ในบทความมีจำนวนที่มากไป หรือน้อยไปหรือไม่ รวมทั้งยังช่วยแนะนำด้วยว่า จำนวนคำที่เราเขียนลงไป มีความยาวเพียงพอต่อการทำ SEO หรือยัง เหมือนเป็นปราการด่านแรกของการทำ SEO นั่นก็คือหลักการเขียนคอนเทนท์นั่นเอง
ที่สำคัญที่สุดก็คือปลั๊กอินตัวนี้จะบอกได้แบบเรียลไทม์เลยว่า บทความที่เขียนไปนั้นตรงตามหลักการทำ SEO แล้วหรือยัง ซึ่งคุณสามารถปรับแก้ได้ตามคำแนะนำ และถ้าเครื่องมือตัวนี้ปรากฏเป็นสัญลักษณ์สีเขียวแล้ว นั่นหมายความว่า บทความที่คุณนำเสนอลงไป ถูกต้องตามหลักของ SEO ที่ Google ยอมรับนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เชิงลึกที่เอาไว้ปรับแต่งด้านเทคนิคของเว็บไซต์ที่มีผลต่อ Search Engine เช่นการตั้งค่าว่าจะให้ Google อ่านหน้าไหนบ้าง หรือเห็นหน้าไหนบ้าง จุดนี้ค่อนข้างสำคัญและอาจเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผู้ที่ไม่ถนัดด้านโค้ดดิ้งเนื่องจากว่าการปรับแต่งพวกนี้ส่วนใหญ่แล้วจะต้องรู้พื้นฐานของด้านโปรแกรมมิ่ง
แต่ด้วย Yoast SEO นั้นออกแบบมาให้เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ เราจึงสามารถปรับการตั้งค่าเหล่านั้นได้ง่ายๆ เพียงไม่กี่คลิก นับเป็น Plug-in ที่สำคัญมากๆ สำหรับทุกเว็บไซต์ที่สร้างด้วย WordPress เลย
เครื่องมือ Yoasts SEO นั้นถึงจะเป็นเครืองมือใช้งานที่ฟรี แต่ก็จะมี Yoasts Premium มีราคาที่ปีละ 89 ดอลล่าห์ หรือประมาณ 2,800 บาทเท่านั้น
4.เครื่องมือ Ahrefs
สำหรับเครื่องมือนี้ จะเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์เกี่ยวกับการทำ SEO ทั้งฝั่ง Onsite และ Offsite Backlink อย่างครอบคลุมและใช้งานง่าย อีกทั้งฟีเจอร์สำคัญมากๆ คือการวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งเพื่อดูว่าเว็บของเรานั้นมีโอกาสในการติดอันดับคำว่าอะไรบ้าง และคำว่าอะไรบ้างที่เว็บไซต์คู่แข่งของเราได้ยอดผู้เข้าเว็บไป จากคำว่าอะไรบ้าง นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์เด็ดในการวิเคราะห์ Backlink ของเราและคู่แข่งอีกด้วย ฟีเจอร์นี้สามารถเช็คได้แม้กระทั่งว่าเว็บไซต์คู่แข่งนั้นทำ Link Building ด้วยคีย์เวิร์ดคำว่าอะไรบ้างและใช้เว็บไซต์อะไรบ้างในการทำ Backlink กลับมา
ซึ่งหลังจากที่เช็คแล้ว เครื่องมือ Ahrefs ก็ยังรายงานผลสรุปให้อีกด้วยว่า Domain Rating หรือค่า DR ของคุณเป็นอย่างไร จำนวน Backlink ที่มีทั้งหมด หรือแม้แต่หน้าเว็บของคุณ ที่มีการใส่ลิงก์กลับมามากที่สุด เป็นต้น ค่า Domain Rating ของ Ahrefs คือหน่วยที่ใช้ประเมินว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมีคุณภาพด้าน SEO มากน้อยแค่ไหน โดยมีคะแนนเต็ม 100
นอกจากนี้สิ่งสำคัญเลยคือเครื่องมือนี้ก็ยังช่วยในการวิเคราะห์คีย์เวิร์ดให้กับคุณได้อีกด้วย ว่ามีคีย์เวิร์ดไหนที่ใกล้เคียงกับคำคีย์เวิร์ดที่ระบุลงไปบ้าง คล้ายๆ กับการใช้ Keyword Planner ของ Google เพียงแต่ว่าเป็นการเจาะจงการหาคีย์เวิร์ดเพื่อการทำ SEO โดยเฉพาะ
เครื่องมือทำ seo Ahrefs นั้นจะมีหลากหลายราคา ตั้งแต่ตัวเริ่มต้น Lite อยู่ที่เดือนละ 99 ดอลล่าห์ (3,000 บาท) ส่วนแพ็คเกจ Standard จะอยู่ที่เดือนละ 179 ดอลล่าห์ (5,400 บาท) ตัวระดับโปรหรือ Advanced จะอยู่ที่เดือนละ 399 ดอลล่าห์ (12,000 บาท) นอกจากนี้จะมีแพ็คเกจสำหรับระดับ Agency ด้วยซึ่งราคาค่อนข้างสูงหลายหมื่นบาทต่อเดือน
5.เครื่องมือ SEMRush
สุดยอดเครื่องมือที่ใช้ในการวิเคราะห์ด้านการตลาดสำหรับเว็บไซต์ของคุณ สำหรับเจ้าเครื่องมือตัวนี้ต้องบอกเลยว่า ใครที่อยากได้ข้อมูลเชิงลึกในการวิเคราะห์เกี่ยวกับเว็บไซต์ของคุณ ต้องมีติดเครื่องเอาไว้เลย ซึ่งการใช้งานโดยรวมของเครื่องมือตัวนี้ก็คือ ช่วยในการเวิเคราะห์ข้อมูลของเว็บไซต์ในแบบเชิงลึกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจำนวนครั้งที่เกิดการ Error ขึ้นในเว็บไซต์ จำนวน Backlink ทั้งหมด คีย์เวิร์ดที่ใกล้เคียง หรือแมตช์กับคีย์เวิร์ดบนเว็บไซต์ของคุณ
และที่สำคัญก็คือเรายังใช้ในการค้นหาเพื่อดูว่า คู่แข่งของคุณคือใครบ้าง และระดับของการแข่งขันเป็นอย่างไร ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์ทิศทางในการทำคอนเท้นท์ต่อๆ ไปได้ง่ายขึ้นว่า ควรเริ่มจากการใช้คีย์เวิร์ดแบบไหน และสร้างทที่ดีขึ้นให้กับเว็บไซต์ได้อย่างไร
6.เครื่องมือ Accuranker
อีกหนึ่งเครื่องมือที่ค่อนข้างเหมาะกับผู้ที่สนใจในการทำ SEO ระดับมืออาชีพมากขึ้น เพราะเครื่องมือนี้จะช่วยในการ วิเคราะห์คีย์เวิร์ดได้อย่างรวดเร็ว และค่อนข้างละเอียด ซึ่งแม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ต้องเสียเงินในการใช้งานก็ตาม แต่ก็ต้องบอกเลยว่าคุ้มค่ามากๆ โดยสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดของ เครื่องมือ Accuranker ก็คือการค้นหา คีย์เวิร์ด ที่ช่วยจัดอันดับให้เห็นชัดเจนว่าคำค้นหาของเว็บไหนอยู่ในอันดับที่ดีกว่ากัน เพื่อที่คุณจะสามารถนำมาปรับปรุง SEO ให้กับเว็บไซต์ของตัวเองได้
7.เครื่องมือ Ubersuggest
เครื่องมือที่ผลิตโดยผู้เชี่ยวชาญในวงการ Digital Marketing อย่าง Neil Patel โดยเครื่องมือตัวนี้สามารถใช้งานได้ทั้งแบบฟรี และเสียเงิน ซึ่งข้อดีอย่างแรกของ เครื่องมือ Ubersuggest ก็คือช่วยในการใช้วิเคราะห์คีย์เวิร์ด เพราะมันจะบอกได้ทันทีเลยว่า คีย์เวิร์ดที่คุณกำลังต้องการนำมาใช้บนเว็บไซต์ของคุณนั้นมีจำนวนบ่อยครั้งแค่ไหนในการค้นหาแต่ละเดือน รวมทั้งยังบอกได้ด้วยว่า ระดับความยากในการใช้คีย์เวิร์ดนั้นมีมากน้อยแค่ไหน
แต่ส่วนที่อยากแนะนำให้ลองใช้ก็คือในส่วนของ Keyword Ideas ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยแนะนำให้กับคุณได้ว่า คีย์เวิร์ดที่คุณควรนำไปใช้คือคีย์เวิร์ดแบบไหน ซึ่งจะเป็นคำที่มีคู่แข่งไม่มาก และมีโอกาสที่จะทำให้เว็บไซต์มี SEO ที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้ก็ยังมีการแนะนำไอเดียในการสร้างคอนเท้นท์ให้อีกด้วย ทั้งหมดนี้ก็คือเครื่องมือที่ใช้สำหรับการทำ SEO ที่เรานำมาแนะนำกัน ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่ หรือมือเก่าในวงการ ก็สามารถที่จะลองนำไปใช้เพื่อสร้างอันดับที่ให้กับเว็บไซต์ได้เช่นเดียวกัน
อ่านเพิ่มเติมแบบเต็มเกี่ยวกับ Ubersuggest ที่นี่
อ่านบทความเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SEO ได้ที่
8.เครื่องมือ Moz SEO
เครื่องมือ Moz SEO นั้นมีความแม่นยำในการวิเคราะห์เว็บไซต์ในเรื่องการทำ SEO หลายๆ มุม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์ Backlink และคุณภาพของลิงค์ต่างๆ ที่ชี้กลับมายังเว็บไซต์ของเรา
9.Google Keyword Planner
เครื่องมือฟรีที่ดีมากจาก Google นั้นค่อนข้างมีความแม่นยำสูงมากสำหรับเรื่องของการทำ Keyword Research โดยปกติแล้วจะเป็นเครื่องมือวางแผนการทำ Paid Search Plan แต่นักการตลาดไม่น้อยที่ทำมาวิเคราะห์หาคำค้นหาที่เหมาะสมสำหรับ SEO ด้วย เนื่องจากมี Search Volume ที่แม่นยำ พร้อมกับเทรนด์การค้นหาย้อนหลังได้ อีกทั้งยังแนะนำระดับความแข่งขันอีกซึ่งอ้างอิงจากแคมเปญยิงโฆษณาบน Google
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการทำ seo ที่ทาง fast tacks แนะนำ ต้องบอกก่อนเลยครับว่าหลายๆเครื่องมือนั้นจำเป็นที่จะต้องชำระค่าบริการรายเดือนเพื่อเข้าถึงคุณสมบัติบางอย่าง ซึ่งมีราคาแตกต่างกันไปในแต่ละเครื่องมือ ดังนั้นถ้าหากเพื่อนๆท่านใดไม่ได้เป็นผู้ที่รับจ้างทำ SEO ก็อาจจะไม่คุ้มค่าเท่ากับการจ้างบริการทำ SEO จากผู้เชี่ยวชาญนะครับ