การเขียนบทความ SEO

10 วิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ

หากเรามีบทความที่กำลังจะอัพลงเว็บไซต์ วันนี้เราจะมาแนะนำ วิธีการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ เพื่อให้บทความของเรานั้นติด SEO ในอันดับที่ดี จะต้องทำอย่างไร? แต่เราจะ รู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพบทความในเว็บไซต์ของเรา

เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา หรือไม่? ความจริงก็คือ Google นั้นก็เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ มีพันธกิจ และพันธกิจที่ว่าของ Google เป็น

ดังนี้: ภารกิจของ Google คือการจัดระเบียบข้อมูลของโลกและทำให้ทุกคนเข้าถึงได้และมีประโยชน์

1.ใช้แพลตฟอร์ม CMS ที่เป็นมิตรกับการค้นหา

ไม่ว่าเราจะกำลังวางแผนที่จะสร้างเว็บไซต์ใหม่ ในฐานะธุรกิจหรือเพียงแค่เป็นงานอดิเรก เราต้องมีระบบจัดการเนื้อหา (CMS) แพลตฟอร์มบนเว็บที่ช่วยให้เราสามารถสร้างและจัดการเนื้อหาบนเว็บไซต์ได้ ดังนั้นเราจึงต้อง เลือกแพลตฟอร์มและวางแผนที่จะเลือก CSM ที่เป็นมิตรกับการทำ SEO ถือเป็นสิ่งสำคัญ

ดังนั้นทาง fasttacks ขอแนะนำ WordPress ที่เราสามารถติดตั้งและใช้งานได้ฟรี ใช้งานง่าย หากคุณต้องการ hosting ที่ได้คุณภาพ สำหรับ wordpress และราคาไม่แพง ทางเราแนะนำ Hostatom ทีมงานดูแลซัพพอร์ต ดีมากๆ และที่สำคัญคือราคาไม่แพงสำหรับผู้เริ่มต้น

ดังภาพด้านล่าง WordPress เป็นCMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากผู้เลือกใช้ CMS ทั้งหมด

รูปที่มา: IONOS

ทำไมต้องเลือก WordPress ?

  • WordPress เองนั้นใช้งานฟรี 100% และโอเพ่นซอร์ส มีค่าใช้จ่ายเพียงเฉพาะโดเมนและเว็บโฮสติ้งเท่านั้น

  • WordPress สามารถสร้างลิงก์ที่กำหนดเองและแก้ไขข้อมูล mata tag โดยการเพิ่ม keywords ที่เกี่ยวข้อง ได้ด้วยตัวเอง

  • สุดท้าย WordPress ทำงานได้ดีกับปลั๊กอินบล็อก SEO เช่น Yoast, Google XML Sitemaps และ Google Analytics โดย Monster Insight เพื่อเพิ่มอันดับการทำ SEO

2.เร่งความเร็วเว็บไซต์ของเรา

เรารู้หรือไม่ว่า40% ของผู้เข้าชมที่ กดออกจากหน้าเว็บที่ใช้เวลาโหลดนานกว่า 3 วินาที ความเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเว็บไซต์ เป็นสิ่งสำคัญมากที่ Google ได้กำหนดให้เป็นปัจจัยของการจัดอันดับที่มีผลอย่างมากในปัจจุบัน และบ่อยครั้ง ที่ความเร็วของเว็บไซต์นั้นโหลดช้า

จะทำให้เราเสียโอกาสผู้เข้าชมที่เข้าสู่เว็บไซต์และออกจากเว็บไซต์ในทันที ในเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น แทนที่จะดูหน้าอื่นๆ ภายในเว็บไซต์เดียวกันต่อไป

อัตราการตีกลับที่เพิ่มขึ้นจะถูกเลือกโดยเครื่องมือค้นหาของ google และลดอัตราการรวบรวมข้อมูล ผลเสียคือทำให้อันดับของเรานั้นลดลงอีกด้วย

ที่มา: Crazy Egg

เราจะปรับปรุงความเร็วของหน้าเว็บได้อย่างไร?

ก่อนอื่น ให้เราไปที่เครื่องมือต่างๆ เช่น GTmetrix หรือ Page Speed Insights เพื่อดูว่าเว็บไซต์ของนั้นใช้เวลาในการโหลดหน้าแรก เท่าไร เมื่อเราได้ทราบผลลัพธ์เบื้องต้นแล้ว ก็ถึงเวลาเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อปรับปรุงความเร็วเว็บไซต์ของเราต่อไป เราควรปรับปรุงอะไรบ้าง:

  • ย้ายเว็บไซต์ของเราไปยังโฮสต์ที่ดีกว่า

  • เลือกธีมเว็บไซต์ที่รวดเร็วและมีน้ำหนักเบา

  • ปรับขนาดของรูปภาพบนเว็บไซต์ของเราให้เหมาะสม

  • ลดจำนวนปลั๊กอินที่ไม่มีความจำเป็น

  • ใช้การแคชเว็บไซต์

  • ลดจำนวนไฟล์ JavaScript และ CSS

  • ลดการเปลี่ยนเส้นทาง

เมื่อเรากำหนดค่าปลั๊กอินและเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ของเราแล้ว ก็ถึงเวลาทบทวนการทดสอบความเร็วของเว็บไซต์ของเราอีกครั้ง และดูว่าการปรับปรุงเว็บไซต์ของเรานั้น ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการแล้วหรือยัง และความเร็วเพิ่มขึ้นหรือไม่?

ผลลัพธ์ของเว็บไซต์ของเราควรคล้ายกับ ภาพตัวอย่าง ด้านล่าง:

ที่มา: page speed

3.เลือกใช้ธีมที่เหมาะกับมือถือ

การค้นหาบนมือถือเป็นปัจจัยที่สำคัญต่ออันดับ ของ การทำSEO อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ เพราะบนมือถือเป็นแกนปัจจัยหลักของการจัดทำดัชนีของ Google นั้นเอง

ทำไมการทำ SEO ที่เป็นมิตร บนมือถือจึงมีความสำคัญ?

เหตุผลง่ายๆ ณ วันนี้ การบริโภค เนื้อหาออนไลน์มากกว่า 70% เกิดขึ้นบนอุปกรณ์มือถือ และ 67% ของผู้ซื้อ เลือกซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ที่เหมาะ กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ ดังนั้น

คำขอแนะนำให้ เราปรับปรุงเว็บไซต์ของเราให้เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่

ตอนนี้ Google จะจัดอันดับผลการค้นหาจากการค้นหาบนมือถือเป็นปัจจัยแรก การออกแบบที่ตอบสนองตามอุปกรณ์สำหรับเว็บไซต์ที่เหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่นั้นดีที่สุด และทำให้เว็บไซต์ของเรานั้นสามารถมองเห็นได้จากทุกอุปกรณ์ (มือถือ แท็บเล็ต หรือ คอมพิวเตอร์)

ที่มา: Google Search

หากต้องการตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเรานั้นเหมาะกับอุปกรณ์เคลื่อนที่แล้วหรือไม่

ให้ใช้เครื่องมือเหล่านี้:

4.ติดตั้ง XML Sitemap

แผนผังเว็บไซต์ XML คือ การแสดงรายการหน้าเว็บที่สำคัญทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณ แผนผังเว็บไซต์ XML ที่ดีก็เหมือนแผนงานของเว็บไซต์ของเรา เพื่อให้นำทาง Google ไปยังหน้าที่สำคัญทั้งหมด ได้อย่างถูกต้อง

ที่มา: Search Engine Journal

ตัวอย่าง: แผนผังเว็บไซต์ช่วยค้นหา ผ่านไฟล์แผนผังเว็บไซต์แบบ XML ได้ง่าย

เมื่อเรารวมหน้าที่เกี่ยวข้องกับการทำ SEO บนแผนผังเว็บไซต์ XML จะช่วยให้เครื่องมือค้นหารวบรวมข้อมูลไปยังเว็บไซต์ของเราได้อย่างง่ายดายสิ่งสำคัญที่เมื่อส่งแผนผังเว็บไซต์ XML เราต้องหลีกเลี่ยงสิ่งต่อไปนี้:

  • หน้าซ้ำ

  • มีเลขหน้า

  • หน้าผลการค้นหาเว็บไซต์

  • ตอบกลับทาง URL ความคิดเห็น

  • หน้าที่เก็บถาวร

  • เปลี่ยนเส้นทาง

  • เพจถูกบล็อกโดย Robot.text

  • หน้าที่ไม่มีดัชนี

  • หน้าที่เราไม่ต้องการ Google เก็บข้อมูล เช่น ติดต่อเรา นโยบายความเป็นส่วนตัว และหน้าเข้าสู่ระบบ

5.ทำวิจัย Keywords และเน้นการใช้ Long Tail Keywords

การวิจัย keywords เป็นรากฐานที่สำคัญของผู้ทำSEO ทุกคน เพราะ การวิจัย keywords เป็นวิธีที่เราสามารถเลือกใช้ คำหรือ keywords ที่ผู้คนใช้ขณะค้นหา เป้าหมายของเราก็คือ เลือกใช้คำเหล่านั้นมาใช้เพื่อจัดอันดับการทำ seo ของเรานั้นเอง

เพื่อเพิ่มปริมาณการเข้าชมให้แก่เว็บไซต์ของเรา keywords เหล่านี้จะใช้ในการสร้างลิงก์และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับเครื่องมือค้นหาของ google

คำแนะนำ: ให้เราเลือกใช้ Long Tail Keywords ในการเริ่มต้นการทำ Seo

Long Tail Keywords คือ คำที่มีความยาว 4+ คำ และมีความเฉพาะเจาะจงมากๆ เพราะการเลือกใช้ Long Tail Keywords จะตรงกับเจตนาของผู้ค้นหามากกว่า keywords กว้างๆ

ข้อดีของการเลือกใช้ Long Tail Keywords มีการแข่งขันน้อย เพราะด้วยการปริมาณการค้นไม่ได้มาก 10-200 ครั้งต่อเดือน

ตัวอย่างของ Long Tail Keywords คือ:


“ประกันชีวิตผู้สูงอายุราคาประหยัด”
“สั่งซื้อวิตามินดีแคปซูลออนไลน์”

มีหลายวิธีในการค้นหา keywords

เครื่องมือที่ใช้ค้นหา keywords เช่น ubersuggest ช่วยให้เราค้นหา keywordsของเราได้ง่ายขึ้น และยังได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับ Keywords แต่ละคำที่เราจะมาทำใช้ในการทำ Seo สามารถอ่านบทความ การเลือกใช้ Keywords ด้วย ubersuggest ได้ที่นี่

6.เน้นการทำ เนื้อหา ที่สมบูรณ์

การทำให้เนื้อหาสมบูรณ์ คือ เนื้อหาควรที่มีมากกว่า 1,500 คำ Google นั้นชอบประเภทเนื้อหาที่มีคุณภาพละมีความสมบูรณ์ของเนื้อหามากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีในเครื่องมือค้นหา

ตามรายงานของ SerpIQ จำนวนคำที่ใช้ในการทำSeo โดยเฉลี่ยของเนื้อหาที่อยู่ในอันดับที่ 1 คือ 2,416 และอันดับที่ #10 คือ 2,032

ซึ่งหมายความ ว่าเพื่อให้เนื้อหาของเราติดอันดับในหน้าแรก เนื้อหานั้นจะต้องมีคุณภาพและมีจำนวนคำที่เหมาะสม สำหรับการทำอันดับของSEO

ข้อมูลจาก Backlinko ยืนยันว่า การสร้างเนื้อหาด้วยจำนวนคำที่มากและมีคุณภาพ จะมีประสิทธิภาพดีกว่าเนื้อหาสั้นๆ ที่ข้อมูลไม่ครบถ้วน

ที่มา:Backlinko

แล้วการใช้เนื้อหาแบบสมบูรณ์ มีประโยชน์อย่างไร ?

  • ช่วยเพิ่มการมองเห็นของเว็บไซต์เรา

  • ช่วยให้google มองว่าเรามีความเป็น E-A-T ในธุรกิจของเรา

  • ช่วยให้มีการแชร์เนื้อหาส่งต่อให้ผู้อื่นมากยิ่งขึ้น

  • ทำหน้าที่ในการสร้างลิงค์ ส่งไปยังบทความหรือเนื้อหาต่างๆ ได้มากยิ่งขึ้น

แม้ว่าเนื้อหาแบบจำนวนคำมากๆนั้น จะทำให้เรามีอันดับที่ดีขึ้น แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เกี่ยวกับคุณภาพ การสร้างเนื้อหาเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริงจะช่วยให้เรามีอันดับที่ดีขึ้น อีกด้วย


ดังนั้นบทความและเนื้อหาที่ดี ควรเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน และนำไปใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด จะถือว่าดีมากๆ

7.วาง Keywords ไว้ในเนื้อหาของเรา

เราจะรู้ได้อย่างไรว่า จะวางKeywords ไว้ที่ใด ที่สามารถช่วยปรับปรุงอันดับของเราได้

เราขอแนะนำให้วาง keywords ในโพสต์ของคุณ ตามนี้ได้เลย:

Title ชื่อเรื่อง : นำ keywords มาตั้งชื่อเรื่อง อธิบายหัวข้อหลักของหน้า และแสดงขึ้นเป็นอันดับแรกในผลการค้นหา

Meta description คำอธิบาย : ช่วยให้ Google ระบุความเกี่ยวข้องของเนื้อหาของเรา และช่วยให้ผู้ค้นหาตัดสินใจคลิกเนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์ของเรา การรวมคำหลักจะทำให้เนื้อหาของเราเกี่ยวข้องกับการค้นหา

หัวเรื่องและหัวเรื่องย่อย: ทำให้เนื้อหาของเราดูน่าสนใจ และช่วยให้ผู้เยี่ยมชมตัดสินใจความเกี่ยวข้องของเนื้อหา

เนื้อหา: ใช้ keywords ของเราในประโยคที่สองและสาม เป็นอย่างน้อยในย่อหน้าแรก และกระจายไปทั่วเนื้อหาของคุณเท่าที่จำเป็น (ห้ามใส่มากจนเกินไปนะครับ) แนวทางที่ดีที่สุดคือ การใช้ Latent Semantic Indexing (LSL) แทนการใช้คีย์เวิร์ด

แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใส่ keywords ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องเพราะจะส่งผลเสียต่ออันดับการค้นหาของเราและเราจะถูกลงโทษ

URL: Urls แปลก ๆ ที่มีตัวเลขและตัวอักษรจำนวนมาก ไม่แนะนำให้ใช้ แต่ควรตั้งชื่อ URL ที่มี Keywordsจะช่วยให้รู้ว่าเนื้อหา ในหน้านั้นเกี่ยวกับอะไร

ลิงค์:ใ ช้ Keywords LSL เป็น anchor text เพื่อให้การทำงานของเราง่ายขึ้น แนะนำให้ใช้ปลั๊กอิน Yoast SEO จะแสดงให้เห็นสิ่งที่เราต้องปรับปรุงเพื่อให้อันดับดีขึ้น

ที่มา:Yoast

8.ปรับแต่งรูปภาพของเราด้วย ข้อความ

เรารู้หรือไม่ว่ารูปภาพนั้นได้รับการจัดทำดัชนีด้วย?

ในการเพิ่มประสิทธิภาพรูปภาพของเรา นั้นให้ใช้ข้อความแสดงแทนซึ่งทำหน้าที่เป็นคำอธิบายของรูปภาพได้ แม้ว่าจุดประสงค์เดิม คือเพื่อให้บริการผู้ที่มีความบกพร่องทางการมองเห็นที่ไม่สามารถอ่านภาพได้ แต่ในปัจจุบันนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ของบทความของเรา

ในการเพิ่มประสิทธิภาพ รูปภาพของเรา:

• ตรวจสอบว่ารูปภาพที่เราใช้เกี่ยวข้องกับหัวข้อโพสต์
• เปลี่ยนชื่อไฟล์จากIMG-5303 เป็นชื่อ ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ เราสามารถใช้คีย์เวิร์ด LSI ได้หากสมเหตุสมผล
• ใช้คีย์เวิร์ด SEO ในชื่อภาพ โดยปกติจะปรากฏขึ้นเมื่อเราวางเมาส์เหนือรูปภาพ
• ใช้ keywords ของเราในข้อความแสดงแทนหากรู้สึกเป็นธรรมชาติและสอดคล้องกับรูปภาพ แต่หลีกเลี่ยงการกรอก แอตทริบิวต์ alt ทั้งหมดด้วย Keywords เนื่องจากอาจทำให้เว็บไซต์ของเราถูกมองว่าเป็นสแปม

9.เชื่อมโยงลิงก์ภายในเว็บไซต์


ลิงก์ภายใน คือ ลิงก์ที่เชื่อมไปยังหน้าอื่นๆในเว็บไซต์ของเรา

ทำไม การเชื่อมโยงลิงก์ภายใน จึงมีความสำคัญ?

• ช่วยนำทางสำหรับผู้ใช้เว็บไซต์
• ได้จัดทำคำสั่งข้อมูลบนเว็บไซต์
• กระจายการจัดอันดับลิงค์ทั่วทั้งเว็บไซต์

การเชื่อมโยงลิงก์ภายในที่มีประสิทธิภาพ

คำแนะนำคือ: ควรใช้ anchor text ที่มี Keywords ในลิงก์ แต่อย่าเชื่อมโยงหน้าเว็บที่มี anchor text เดียวกันกับที่ Google พิจารณาว่าเป็นหัวข้อเดียวกัน ให้ใช้ anchor text อธิบายอื่นๆ เชื่อมโยงไปยังหน้าที่สำคัญ เช่น หน้าแรก ซึ่งเป็นหน้าที่เชื่อถือได้มากที่สุดในเว็บไซต์ของเรา

สุดท้ายคือ เพิ่มส่วนโพสต์ที่เกี่ยวข้องด้านล่าง หรือเพิ่มลิงก์ไปยังโพสต์ ล่าสุด หรือโพสต์ยอดนิยมสำหรับการเชื่อมโยงลิงก์ภายใน

10.ปรับเปลี่ยนหรืออัพเดตเนื้อหาปัจจุบันของเรา

มีการโพสต์บทความมากกว่า 4.4 ล้านโพสต์ทุกวัน นั่นหมายถึง 3,000 บทความต่อนาที

คำแนะนำ: ให้เราอัพเดตการนำเนื้อหากลับมาใช้ใหม่ช่วยประหยัดเวลาและสร้างสิ่งที่มีอยู่แล้วนอกเหนือจากการเริ่มต้นสร้างบทความใหม่

วัตถุประสงค์ของ การทำบทความ SEO คือ การปรับปรุงเนื้อหาใหม่จะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าชม ช่วยให้เนื้อหาของเราสดใหม่อยู่

เสมอเนื่องจาก Google ต้องการให้เรามีการอัพเดตและเนื้อหาให้เป็นปัจจุบันมากที่สุด ดังนั้นยังช่วยให้ google มองเว็บของเรามี

ความเป็น E-A-T มากยิ่งขึ้นด้วยครับ

เราจะนำบทความไปใช้ใหม่ในเนื้อหาที่มีคุณภาพได้อย่างไร .

โดยการเปลี่ยนเนื้อหาเป็น:

• อินโฟกราฟิก


• งานนำเสนอ Webinar


• วีดีโอ


• โพสต์โซเชียลมีเดีย


• เอกสารและ e-book


• คอร์สออนไลน์

นอกจากนั้น ลบเนื้อหาที่ทำงานได้ไม่ดี ไม่ถูกต้อง เก่า และไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการเขียนบทความของเราออกจาก เนื้อหา เพียงแค่นี้เราก็ได้เนื้อหาที่มีคุณภาพและสดใหม่แล้วครับ

สรุป

วิธีในการเขียนบทความ SEO เพื่อให้มีคุณภาพ จะช่วยให้เราได้รับคลิกจากผลการค้นหาทั่วไปมากกว่าการลงโฆษณาที่เสียค่าใช้จ่าย และการทำ SEO นั้นสามารถนำการเข้าชมมากกว่า PPC ถึง 20 เท่า ทั้งบนมือถือและคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังเป็นช่องทางการตลาดออนไลน์ เพียงช่องทางเดียวที่ยังให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

แต่ในขณะที่โฆษณาต้องการเงินทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อนำการเข้าชมมาสู่เว็บไซต์หรือเนื้อหาของเราดังนั้น หากท่านใดต้องการทำการตลาดระยะยาว การทำ seo นั้นถือเป็นช่องทางหนึ่งที่ทางเราแนะนำมากๆ อาจจะใช้เวลาหน่อย

แต่รับรองว่า ผลลัพธ์นั้นดีเกินคุ้มแน่นอนครับ

สำหรับ ท่านใดกำลังมองหาตัวช่วยในการทำseo wordpress พื่อให้ธุรกิจของคุณนั้น มียอดขายจากเว็บไซต์สามารถ ติดต่อทาง Fast tacks ได้เลยนะครับ

Fast tacks บริการรับทำการตลาดออนไลน์

Scroll to Top

Fasttacks ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่าประเภทคุ้กกี้

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณเพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึก