ทำ SEO ปี 2022 ที่จะช่วยให้เว็บคุณติดอันดับ
เทคนิคการทำ SEO 2022 ที่จะช่วยทำให้อันดับคีย์เวิร์ดของเรา ติดหน้าแรก
1.เขียน Content โดยพิจารณาถึง “Search Intent”
เคล็ดลับ ในขั้นแรก ที่ไม่สมควรพลาดโดยเด็ดขาด คือ การวิเคราะห์เจตนาสำหรับในการค้นหาของคีย์เวิร์ดที่พวกเราอยากทำก่อน ที่จะเริ่มเขียนเนื้อหาของบทความครับผม
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยอาจมองว่าแนวทางนี้ เป็นเคล็ดวิธีที่มิได้พราวแพรวอะไร ใครๆก็ทำเป็นใช่ไหมละครับ แต่ว่าทราบไหม Google เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นคำตอบที่ยอดเยี่ยม
ของผู้ค้นหา แม้Google ไม่สามารถที่จะให้คำตอบที่ยอดเยี่ยมได้ คนก็จะไม่เลิกใช้Google ด้วยเหตุนั้นวิธีการทำความรู้ความเข้าใจ ถึงเจตนาสำหรับการค้นหา
ของผู้ค้นก็เป็นสิ่งจำเป็นที่สุดพูดได้ว่าเป็น หนึ่งในวินิจฉัยว่าเว็บของคุณจะไปอยู่บนลำดับที่หนึ่งของGoogleได้รึเปล่า
2.เขียน title tags รวมทั้ง meta descriptions ให้น่าดึงดูด
หนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดคงเป็นเรื่อง title tag ซึ่งเป็นส่วนที่ ส่งผลกับอันดับของคอนเทนต์ โดยตรง แน่นอน! (สำคัญ มากนะครับในส่วนนี้ห้ามพลาดเด็ดขาด)
Google จะใช้ title tagsเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่าง คอนเทนต์ กับ คีย์เวิร์ด ที่ผู้ค้นหาใช้ค้นหาบนGoogle ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันไหม
อย่างเช่น เมื่อผู้ใช้งานค้นหาคำว่า “สินค้าขายดี” Googleจะค้นหาดัชนีในฐานข้อมูลว่ามีหน้าเพจไหนบ้างที่มีคำว่า “สินค้าขายดี”
ถ้าเกิดคอนเทนต์ที่เราเขียน ไม่มีคีย์เวิร์ดที่เป็นหัวข้อนั้นหรือไม่มีเกี่ยวเนื่องกับอะไรกับเนื้อหาก็เช่นเดียวกับการโดนตัดแต้มสำคัญไป จังหวะที่จะติดอยู่ในต้นๆก็จะยากขึ้น
โดยวิธีการเขียน title ที่เราจะเอามามอบให้ มีตัวอย่างดังนี้ครับเพิ่มคีย์เวิร์ดที่อยากทำอันดับเอาไว้ภายใน title
ตัวอย่างเช่น อยากได้ทำอันดับคำว่า “สินค้าขายดี” ให้เขียนรูปแบบนี้ “รวมสินค้าขายดี หมวดแฟชั่น ในปี2022”
⚈ Meta Descriptions
Meta Descriptions เคยเป็นหนึ่งในสาเหตุในการจัดลำดับโดยตรง (ข้อมูลในอดีต) แต่ว่าปจจุบันนี้ ทางGoogle ออกมาบอกอย่างแน่ชัดว่า Meta Descriptions นั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุที่มีผลต่อการจัดอันดับโดยตรงอีกต่อไป
หากเมื่อเทียบกับ title tags ด้วยเหตุว่าที่ว่าตอนนี้ Google ได้เริ่มดึงรายละเอียดที่เกี่ยวโยงจากในคอนเทนท์มาแสดงแทนและบางครั้ง Meta Descriptions ก็ชอบถูกเลือกมาแสดง
บนหน้าผลสรุปการค้นหาอยู่เป็นประจำด้วยเหมือนกันนี้เลยเป็นเหตุในการเลือกที่จะเขียนkey wordsจำเป็น เพราะว่า Meta Descriptions ที่Googleดึงขึ้นมานั้น
พวกเราจะไม่อาจจะระบุได้เองแต่ว่าหากพวกเรามีการเขียนแล้วก็วางกลอุบายเอาไว้ เผื่อจังหวะที่ผู้ใช้มาอ่าน บางทีอาจจะในส่วนเพิ่ม CTR ให้กับคอนเทนท์ได้ ถ้าเขียน แล้วน่าดึงดูด
โดยวิธีการเขียน meta description มีดังนี้
-เพิ่มคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวเนื่องเข้าไปใน Meta Descriptions
-เขียน Meta Descriptions ให้แปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน
-เขียนให้สอดคล้องกับ Search Intent ของคนค้นหา
-เน้นย้ำชักจูงให้ผู้อ่านกดคลิ๊ก ต้องการทราบให้ได้มากที่สุด
3. ปรับแต่งการทำ Image SEO 2022 (SEO รูปภาพ)
⚈ นามสกุลไฟล์ภาพ
จากสถิติ การอ่านบทความบนเว็บไซต์ การเลือกที่จะเพิ่ม รูปภาพ Video ไฟล์เสียง เข้าไปในคอนเทนท์ พร้อมกับการปรับแต่งทางเทคนิค ให้ถูกต้อง จะเป็นส่วนที่ช่วยให้เรามีแนวโน้มอันดับที่ดีขึ้นได้เพราะรูปภาพ Video หรือไฟล์เสียง
จะเป็นส่วนที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความมีส่วนร่วมต่อบทความได้เยอะมากขึ้น มีจุดพักสายตา ที่สำคัญ ข้อมูลยังย่อย ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับรูปแบบข้อความ
โดยเทคนิคในการปรับแต่งรูปภาพ อันดับที่ 1 คือการเลือกนามสกุลไฟล์ภาพนามสกุลของไฟล์ภาพ ที่นิยมบนเว็บไซต์จะมี 3 ไฟล์ด้วยกันนั้นคือ JPEG, PNG และ WebP
โดยนามสกุลไฟล์ภาพ เมื่อลองเทียบระหว่าง JPEG กับ PNG จพบว่า JPEG มีขนาดที่เล็กกว่ามากแต่ก็ใช่ว่า JPEG จะดีที่สุด
เพราะ เมื่อเราลองเพิ่มข้อความ หรือวาดเส้น เข้าไปทั้งสองนามสกุลไฟส์ จะพบว่า JPEG นั้น เส้นมันจะแตกๆ
เมื่อเทียบความคมชัดกับ PNG แต่ PNG ก็จะติดที่มีไฟส์ขนาดที่เยอะเกินความจำเป็น
Webp คือตัวเลือกที่Google แนะนำให้ใช้ เมื่อเปรียบเทียบนามสกุลไฟล์ทั้งสองแบบ
WebP จะมี lossless images เล็กกว่า PNG 26%
และWebP จะมี lossless images เล็กกว่า JPEG เล็กว่า 25%-34%
สรุป
แนะไฟล์ PNG กับ WebP เป็นหลักครับ ในบ้างรูปที่มีการใส่ข้อความไปด้วยก็จะใช้เป็น PNG เพื่อขนาดเส้นมีความคมชัด อ่านง่าย แต่ก็จะดูขนาดไฟล์ด้วยถ้าใหญ่ไป ก็จะนำไปลดขนาดไฟล์ภาพก่อน
⚈ ขนาดของไฟล์รูปภาพ
นอกจากเรื่องของนามสกุลไฟล์ เรายังสามารถลดขนาดของไฟล์รูปภาพได้โดยการบีบอัดข้อมูลของไฟล์ ให้มีขนาดเล็กลง เพราะเมื่อยิ่งไฟล์เรามีขนาดใหญ่เท่าไหร่ เว็บเบราว์เซอร์ก็จะใช้เวลาโหลดรูปภาพที่นานมากยิ่งขึ้น
เราสามารถลดขนาดไฟล์ ได้โดยใช้เครื่องมือช่วย เช่น tinypng.com, ShortPixel
⚈ alt text Images
ถึงแม้ปัจจุบันนี้Google จะมีเทคโนโลยี ที่สามารถช่วยทำให้เข้าใจรูปภาพมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก
แต่การเพิ่ม alt text ก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ยังจะช่วยให้Google เข้าใจรูปภาพที่อยู่ในคอนเทนท์ได้ดียิ่งขึ้น
เทคนิคในการใส่คีย์เวิร์ด สำหรับ “alt text” ให้ลองนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับคำหลักไปใส่ไว้ โดยจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับรูปภาพด้วยนะครับ
เช่น เราทำคอนเทนท์ “รองเท้า” อาจใส่รูปภาพ ที่มีคีย์เวิร์ด “ร้านขายรองเท้า….”, “รองเท้าแฟชั่น”, “รองเท้าผ้าใบ” ลงไปภายใน alt text ของรูปภาพด้วยของเราด้วยนะครับ
.
⚈ การทำ Lazy-Load Your lmages
Lazy-Load จะเป็นเหมือนกับการให้บราวเซอร์ชะลอการโหลดข้อมูลที่ไม่สำคัญ หรือให้โหลดเฉพาะข้อมูลที่เราเห็นก่อน อะไรที่ยังไม่เห็น
คืออย่าเพิ่งโหลด ซึ่งจะเป็นการช่วยลดการทำงานของระบบได้เยอะมากๆ
สมมุติ ว่ามีข้อมูลอยู่ 10 อย่างในหน้าคอนเทนท์ แต่มือถือ หรือหน้าจอที่มองเห็น เห็นเพียงแค่ 2 อย่าง ระหว่างโหลดทั้งหมดเลย กับการเลือกโหลดแค่ 2 อย่างก่อน การเลือกโหลด 2 อย่างก็จะเป็นการประหยัดพลังงานมากกว่า
4. ปรับแต่งสปีดของเว็บไซต์(ข้อนี้สำคัญมากๆนะครับ)
คงไม่ดีแน่ๆ ถ้าใครก็ตามที่เข้ามาอ่านข้อมูลบนเว็บไซต์ของเรา แล้วต้องรอมากกว่า 3 นาที แค่ 10 วิ 5 วิ ก็อาจจะออกไปดูเว็บไซต์อื่นแล้ว ยิ่งถ้าหากเว็บไซต์เข้าแล้วช้ามากๆ การันตีเลยว่า ส่งผลต่อการทำอันดับแน่นอนครับ
ซึ่งความเร็วของหน้าเว็บไซต์ นี้แหละครับก็สามารถตรวจสอบได้ ผ่าน PageSpeed Insights, GTMetrix ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ ก็จะช่วยในการให้ข้อมูล เกี่ยวกับการปรับแต่งความเร็วบนเว็บไซต์ เพื่อเป็น Report ในการปรับปรุงได้
สิ่งที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า ที่พบเห็นได้เยอะที่สุด ก็คือ “รูปภาพ” ดังนั้นให้กับไปดูในหัวข้อการเลือกไฟล์รูปภาพที่เหมาะในการทำ Seo นะครับ หากเรามีการปรับแต่งรูปภาพแล้ว ก็ยังมีจุดที่เรายังปรับแต่งเพิ่มได้อีก เช่น
การเปิดใช้งาน browser caching ลบปลั๊กอิน หรือส่วนเสริมที่ไม่จำเป็นต่อเว็บไซต์
(หรืออาจเลือกลบภาพที่เราไม่ได้ใช้ก็ดีนะ)การลดระยะเวลาการตอบสนองต่อเซิร์ฟเวอร์ใช้ Hosting ดีๆ แนะนำให้ใช้ cloud hosting ทำ Minify CSS and JavaScript files (ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็กลง)
5. วางกลยุทธ์การทำโครงสร้าง Internal Link
Internal Link เป็นสัญญาณที่Google ใช้ในการเรียนรู้ว่าบทความ แต่ละบทความบนเว็บไซต์ คือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร ถือว่าเป็นคีย์ที่สำคัญในการดันอันดับ ของคอนเทนท์
แต่การทำ Internal Link ก็มีข้อควรระวัง เพราะหากเราเลือกใช้ text link ที่ไม่ถูกต้อง ก็อาจจะทำให้Google นั้นเกิดการสับสนได้ อันนี้ระวังกันด้วยนะครับ
⚈ เทคนิคในการทำ internal link
เลือกใช้คีย์เวิร์ดของคอนเทนท์ที่ต้องการทำอันดับ มาทำ internal link เช่น ต้องการดันอันดับคำว่า “รองเท้า”
ที่เป็นคอนเทนท์ที่หนึ่ง ในคอนเทนท์ที่สอง สมมุติว่าเป็นคอนเทนท์ “ร้านขายรองเท้า ใกล้ฉัน” ภายในคอนเทนท์นี้ให้มี internal link คำว่า “รองเท้า” ไปยังคอนเทนท์ “รองเท้า” ที่เป็นคอนเทนท์ที่หนึ่งเลือกใช้คอนเทนท์ที่มีค่าพลังสูงๆ
ในการทำ Internal link ตรวจสอบว่าคอนเทนท์ไหนบ้างที่ยังไม่มี Internal link โยงไปหา ให้ทำการปรับแต่ง เชื่อมโยงเข้าไปครับ จะทำให้คอนเทนท์ของเรานั้น สมบูรณ์มากขึ้นด้วยครับ
6.ปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ (user experience)
ข้อนี้ เป็นกฏใหม่ของปี2022 ก็ว่าได้เลยครับ เพราะทาง Google นั้นให้ความสำคัญกับเรื่องประสบการณ์ของผู้ใช้ มีผลต่ออันดับอย่างมาก เพราะอะไรครับ ลองคิดดูนะครับ
ถ้าหากผู้ใช้งานบนGoogleเข้ามาบนเว็บไซต์ของเราแล้ว กดออกทันที Google ก็คงจะรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย ทีให้เว็บไซต์ที่มอบประสบการณ์ไม่ดีต่อผู้ใช้งาน จนต้องรีบกดออกไป อยู่ในอันดับต้นๆ
นอกจากเรื่องของความเร็วในการเข้าชมเว็บไซต์แล้ว
ประสบการณ์ของผู้ใช้งาน ยังมีจุดสำคัญที่ต้องดูเพิ่มเติมอีก เช่น การเลือกใช้ Subheadings H1, H2 และ H3 ให้มีคีย์เวิร์ด และใช้หัวข้อที่น่าสนใจ ให้ผู้อ่านรู้สึกอยากอ่านต่อ
ดังนั้นการวางโครงสร้างของเนื้อหาให้ดึงดูดผู้อ่าน
เช่น การเพิ่มรูปภาพ การเพิ่มวีดีโอ หรือการอธิบายโดยใช้ภาพเคลื่อนไหว ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ในปี 2017 Googleได้เริ่มต้นให้ popup เป็นหนึ่งในปัจจัยการจัดอันดับ
การเลือกใช้ popup บนเว็บไซต์ จึงควรหลีกเลี่ยง popup ที่ส่งผลเสียต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ ทำให้เว็บไซต์รองรับทุกอุปกรณ์ เป็นที่แน่นอน
ว่าGoogle จัดอันดับโดยใช้ mobile-first indexing ดังนั้นเว็บไซต์ของธุรกิจต้องให้ประสบการณ์ที่ดี ในทุกอุปกรณ์
อย่าลืมไปปรับเว็บของเรากันด้วยนะครับ เพราะ ตรงนี้เป็นอีกข้อที่เราห้ามมองข้ามเลยครับ มีผลกับเรื่องของ SEO อย่างมาก
7.ใช้โครงสร้าง URLs ที่ Friendly
ใช้โครงสร้าง URLs ที่ Friendly ให้ทั้งผู้ใช้งานและGoogle สามารถเข้าใจได้ว่าหน้าที่เข้าอยู่นั้น เกี่ยวข้องกับอะไร
หลีกเลี่ยง URLs ที่เป็นตัวเลข แต่ให้ใช้ URLs ที่สามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย เช่น ใช้ abc.com/test/ แทนที abc.com/2462/ เป็นต้น
⚈ เทคนิคในการวางโครงสร้าง URLs ที่ดีมีดังนี้
-ใช้ URLs ที่สั้นกระชับ เข้าใจได้ง่าย
-ใช้ URLs ที่มีความเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด หรือใช้คีย์เวิร์ดที่ต้องการทำอันดับ หากเป็นภาษาไทย แนะนำให้ใช้ ภาษาอังกฤษครับ
-วางโครงสร้าง URLs ให้เป็นหมวดหมู่ อาจจะเลือกใช้เป็น subcategory
อย่างชัดเจน เช่น abc.com/product-category/t-shirt/ หรือ abc.com/seo/what-is-onpage นอกจะช่วยทำให้ให้ผู้ใช้งานและGoogle เข้าใจได้ง่ายแล้ว ยังสะดวกต่อการนำ Data ไปจัดการเพื่อวิเคราะห์ต่ออีกด้วย
สาระสำคัญ : จากประสบการณ์ที่ทำ SEO ให้กับเว็บที่มีคอนเทนท์เยอะๆ ถ้า URLs เป็นตัวเลขหรือ ไม่มีการจัดวางโครงสร้างของ URLs ที่ดี ไว้ก่อนตั้งแต่แรก ตอนวิเคราะห์เพื่อ Optimize จะทำได้ยากมากๆ ครับ
8. เชื่อมโยง Backlink คุณภาพเข้ามาสู่เว็บไซต์
Backlink ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อการทำอันดับของ Google เปรียบเหมือนเป็นสัญญาณ ที่บอกGoogleว่าเว็บไซต์ที่โยงลิงค์ไปหานั้น มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องอะไร?
การได้รับปริมาณของ Backlink ในจำนวนมากๆ มีค่าน้อยกว่าการได้รับ Backlink ที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือสูงครับ ในบ้างกรณี ที่เราได้ Backlink เพียงไม่กี่ลิงค์ ก็เป็นพลังที่ช่วยส่งเสริมให้คอนเทนท์ ได้รับอันดับที่สูงมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
9. สร้างคอนเทนท์ที่เป็นประโยชน์กับผู้อ่าน(สำคัญมากๆ)
เรียกได้ว่าเป็นพื้นฐาน ที่สุด สำหรับการสร้างคอนเทนท์ครับ ซึ่งหลายคนก็จะมีวิธีการสร้างเนื้อคอนเทนท์ที่มีคุณภาพแตกต่างกันไป โดยแนวทางการสร้างเนื้อหา ที่ผมมักใช้ประจำมีดังนี้
-ค้นหาคีย์เวิร์ดที่ดีที่สุด ก่อนเริ่มต้นเขียนคอนเทนท์
-วิเคราะห์คำในการค้นหาของผู้ค้นหาบน Google ว่าเขากำลังอยากรู้อะไรอยู่
-ลองอ่านเนื้อหาของคู่แข่ง ว่าเขามีแนวทางในการทำคอนเทนท์อย่างไรบ้าง
-ลองจิตนาการถึงโครงสร้างของการทำ Internal link ว่าควรวางในรูปแบบใด ที่คอนเทนท์ไหนบ้าง
-เขียนข้อมูลที่เป็น original ให้ได้มากที่สุด ในภาษาของตนเอง หรืออาจลอง เขียนแบบแหวกๆ เติมสไตล์ ของตนเองไปก็ได้นะครับ อันนี้แนะนำว่าดีมากๆ
-เพิ่มเติมรูปภาพ วีดีโอ เข้าไปในคอนเทนท์ เพื่อให้คนมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้น
-เขียน headers, title tags ให้มีคีย์เวิร์ดหลัก คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง และน่าดึงดูดให้อ่านต่อ
สาระสำคัญ : คำว่าคอนเทนท์ที่เป็นประโยชน์ คอนเทนท์ที่มีคุณภาพ ไม่ได้หมายถึงการสร้างเนื้อหาคอนเทนท์ยาวๆ ในบ้างกรณี ถึงแม้เราจะเขียนยาว แต่ “ความเกี่ยวข้อง” มีน้อยกว่า ก็โดนแซงได้
ดังนั้นจุดสังเกตุ ให้ลองดูเว็บไซต์ ใหญ่ๆ บางเว็บครับ ในบางคีย์เวิร์ดก็ไม่จำเป็นต้องเขียนยาว ขอแค่ให้มีคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องและนี้คือ 9 เทคนิคในการทำ SEO ในปี 2022 ที่ Fast tacksนำมาฝากทุกคนในวันนี้ครับ
.
.
สำหรับใคร ที่กำลังสนใจการทำ SEO เพื่อต่อยอดให้กับธุรกิจของคุณอยู่ล่ะก็ ทาง Fast tacks ยินดีให้คำปรึกษา และแนะนำให้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สามารถติดต่อได้ทุกช่องทางครับผม